วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เรียนภาษาอังกฤษกับแอนดรูว์ ๒

How many apples are there in the basket? ( มีแอปเปิ้ลกี่ลูกในตะกร้า … apples เป็นคำนามนับได้เพราะมี s ตอนท้ายที่แสดงถึงพหุพจน์ )

How many pets do you have? ( คุณมีสัตว์เลี้ยงกี่ตัว … pets เป็นคำนามนับได้เพราะมี s ตอนท้าย )

How much money do you have? ( คุณมีเงินเท่าไร … ไม่สามารถเติม s ตอนท้ายคำว่า money ครับ )

How much time is left? ( มีเวลาเหลือเท่าไร … time ในความหมายว่า เวลานี้ไม่สามารถลง s ตอนท้ายได้ )

I was full of joy when I won the lottery. ( ผมเต็มไปด้วยความปลื้มปีติเมื่อถูกหวย )

Going to a karaoke bar gives Kanok a great deal of joy.( การที่ไปเที่ยวร้านคาราโอเกะทำให้กนกรู้สึกมีความสุขมาก )

I'm sorry I can't join your birthday party.( ขอโทษแต่ผมมาร่วมฉลองวันเกิดคุณไม่ได้ )

We're having dinner at Krissana Pochana. Would you like to join us?
( คืนนี้เราจะทานข้าวกันที่ร้านกฤษณะโภชนา คุณอยากมาร่วมทานข้าวกันไหม )

Will you let me go home early today? วันนี้คุณอนุญาตให้ผมกลับบ้านเร็ว

He won't let me go! ( เขาไม่ยอมปล่อยฉันไป !)

Sorry I can't play with you. Mum won't let me.( ขอโทษแต่ผมไปเล่นกับคุณไม่ได้ แม่ไม่ยอม )

What time will I pick you up? ( ผมจะไปรับคุณกี่โมง )

I asked my mother to pick me up outside the train station at 6.( ผมขอให้คุณแม่มารับผมหน้าสถานีรถไฟเวลา 6 โมงเย็น )

ในสถานการณ์เช่นนี้เราคงไม่ใช้ receive กับบุคคลครับ ที่คุณอาจสับสนคือ ใช้ pick up กับสิ่งของด้วยเช่นกันครับ อาทิ

Could you pick up a parcel at the post office please?( ช่วยไปรับพัสดุที่ไปรษณีย์ )

ที่จริงแล้ว receive หมายถึง ได้รับอะไรบางอย่าง ไม่ใช่ว่าไปที่ใดที่หนึ่งเพื่อรับบุคคลหรือสิ่งของ เช่น

I received a book as a present for my birthday.( ผมได้รับหนังสือเป็นของขวัญวันเกิดผม )

pick up มีความหมายว่า ซื่อ ด้วยครับ

I picked up a book at the mall today. ( ผมซื้อหนังสือที่ห้างวันนี้ )

และสุดท้ายนี้ควรทราบว่าในเชิงแสลง pick up มีความหมายว่า จีบให้สำเร็จ ด้วย

I picked up a beautiful girl at the office party last night.( ผมได้จีบสาวสวยที่งานเลี้ยงของออฟฟิศเราเมื่อคืน )

You should give up smoking. ( คุณควรจะเลิกสูบบุหรี่ )

Pencil looks drunk; he should go home.( ดินสอดูท่าทางจะเมาแล้ว เขาควรกลับบ้าน )

คำว่า ไม่ควร คือ should not หรือ shouldn't เช่น

I shouldn't be here. ( ผมไม่ควรอยู่ที่นี่ )

You shouldn't be saying that. ( เธอไม่ควรพูดอย่างนั้น )

What are you doing? ( คุณกำลังทำอะไรอยู่ )

Where are you going? ( คุณไปไหน )

Why did you do that? ( คุณไปทำอย่างนั้นทำไม )

I used to go to Pattaya. ( ผมเคยไปพัทยาแต่ตอนนี้ไม่ไปแล้ว … อาจเป็นเพราะทะเลสกปรกหรือฝรั่งมากเหลือเกินก็ไม่ทราบ )

He used to smoke. ( เขาเคยสูบบุหรี่แต่ตอนนี้เขาไม่สูบแล้ว )

She used to like him. ( เธอเคยชอบเขาแต่ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว )

ดังนั้นประโยคที่ว่า ผมเคยไปพัทยา แปลได้สองอย่างคือ

I have been to Pattaya. ถ้าความหมายคือ เคยไปพัทยาในอดีต หรือ

I used to go to Pattaya. ถ้าเคยไปบ่อยในอดีตแต่ตอนนี้ไม่ไปแล้ว

It's like Banana is always happy when a pretty girl asks him a question.
( ดูเหมือนว่า กล้วยยิ้มแย้มแจ่มใสทุก ๆ ครั้งที่สาวสวยมีคำถามมาถามเขา )

Trying to locate him after work is the same as trying to find a needle in a haystack.
( การที่จะหาเขาหลังเวลาทำงานเหมือนหาเข็มในกองฟาง … ฝรั่งเปรียบเทียบโดยใช้กองฟาง … คนไทยใช้มหาสมุทรใช่ไหมครับ )

I had a bad day today. ( วันนี้ไม่ค่อยดีสำหรับผม )

Really? Tell me about it. ( จริงหรือ … ไหนเล่าให้ฟังสิ )

The weather's been hot today. ( วันนี้อากาศร้อน )

Tell me about it! I've been walking around outside all day today!( รู้แล้วเพราะฉันเดินตระเวนข้างนอกทั้งวันเลย )

Boy has a terrible singing voice. ( เสียงร้องเพลงของบอยแย่มาก )

Tell me about it! I had to sit next to him at a karaoke bar last night!
( ไม่ต้องบอกฉัน เมื่อคืนดิฉันถูกบังคับนั่งข้าง ๆ เขาที่ร้านคาราโอเกะทั้งคืน )

Let's go to the temple to make merit. ( เราไปวัดเพื่อทำบุญกันเถอะ )

I'm still paying off my car. ( ดิฉันยังผ่อนชำระรถอยู่ )

It will take me another 10 years to pay off my house.( ต้องใช้เวลาอีก 10 ปีกว่าจะผ่อนบ้านผมให้หมด )

I didn't have enough money to buy a car, so I made a downpayment and now I'm paying it off in monthly installments.
( ผมมีเงินไม่พอที่จะซื้อรถ ผมเลยจ่ายเงินดาวน์แล้วตอนนี้ผมผ่อนรถทุก ๆ เดือน )

Somcheng likes to stick her nose into other people's business.( ส้มเช้งชอบเสือกเรื่องคนอื่น )

Somsri doesn't want anyone bothering her, but Bakkoi keeps butting in.
( สมศรีไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับเธอ แต่บักกข่อยมักจะมาเสือกเรื่องของเธอเสมอ )

his food is good! Can I have some more?( อาหารนี่อร่อยดี ขออีกได้ไหมครับ )

This food is great! Another plate, please.( อาหารนี้เยี่ยมมาก ขออีกจานหนึ่งครับ )

This food is beautiful! Can I take some home with me?( อาหารนี้รสชาติดี ผมขอเอาส่วนหนึ่งกลับบ้านได้ไหมครับ )

ภาษาพูดใช้ yummy ซึ่งเป็นศัพท์น่ารัก ๆ ในความหมายว่า อร่อยมาก เช่น

This food is yummy! Can I have the recipe?( อาหารนี้อร่อยมาก ผมขอตำรับได้ไหมครับ )

The program didn't work the first time, so I reloaded it.( โปรแกรมใช้ไม่ได้ครั้งแรก ผมก็เลยใส่ใหม่อีกครั้งหนึ่ง )

Somcheng double-crossed me. She said she'd marry me but then found someone else. ( ส้มเช้งทรยศผม เธอบอกว่าจะแต่งงานกับผมแต่เธอก็หาคนอื่น )

Don't double-cross me … or you'll end up at the bottom of the Chaophraya River . ( อย่าหักหลังผม หรือเพราะเธออาจจะจบชีวิตที่ใต้พื้นแม่น้ำเจ้าพระยา )

I miss you so much.( คิดถึงเธอเหลือเกิน )

I'm thinking of you.( ผมกำลังคิดถึงคุณ )

I hope you're missing me, too.( หวังว่าเธอกำลังคิดถึงผมเหมือนกัน )

Somcheng and Bakkhoi have broken up! Somcheng found out that Bakkhoi had another girlfriend.
( ส้มเช้งกับบักข่อยเลิกกันแล้ว ส้มเช้งได้รู้ว่าบักข่อยมีแฟนอีกคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน )

Have you heard? Somcheng and Bakkhoi have made up.( คุณได้ข่าวหรือยัง ส้มเช้งกับบักข่อยกลับมาคืนดีกันแล้ว )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น