วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เรียนภาษาอังกฤษกับแอนดรูว์ ๕

You're late. What's your excuse? ( คุณมาสาย เป็นเพราะอะไร )

I once went to Pattaya for a holiday. ( ผมเคยไปพัทยาครั้งหนึ่งเพื่อพักผ่อน )

I once tried smoking but it just made me cough. ( ครั้งหนึ่งผมเคยลองสูบบุหรี่แต่มันเพียงทำให้ผมไอเท่านั้น )

I can't eat or sleep coz I love you so much. ( ฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะรักเธอเหลือเกิน )

Kankok's late again cuz he went out drinking all night. ( กนกมาสายอีกแล้วเพราะเขาออกไปดื่มเหล้าทั้งคืน )

He left a few minutes ago. ( เขาออกไปเมื่อสองสามนาทีที่แล้ว )

He just left a few minutes ago. ( เขาเพิ่งออกไปเมื่อสองสามนาทีที่แล้ว )

หรือ

I have eaten. ( ผมทานข้าวแล้ว )

I have just eaten. ( ผมเพิ่งจะทานข้าวเสร็จ )

Are you married? ก็ถูกเพราะเป็นการถามถึงสภาพของคุณคือ สภาพสมรส คำตอบก็คือ
Yes, I am. ( ใช่ แต่งแล้ว ) หรือ No, I'm not.

(Don't go to that nightclub. You'll be looking for trouble.( อย่าเข้าไปในเธคนั้น ต้องมีการหาเรื่องแน่ ๆ )

Somsri was looking for trouble when she told Somcheng she was too fat. ( สมศรีหาเรื่องเมื่อเธอบอกส้มเช้งว่า เธออ้วนเกินไป )

Somcheng says you are her boyfriend. ( ส้มเช้งบอกว่า คุณเป็นแฟนเธอ )

As if! I can't stand Somcheng! ( ไม่จริงหรอก ผมเกลียดเธอเหลือเกิน !)

หรือ

Should I wear a jacket tonight? ( คืนนี้ผมควรใส่เสื้อแจ็กเก็ตหรือเปล่า )

As if! It's 35 degrees outside! ( ใส่ทำไมล่ะ ข้างนอกมัน 35 องศา )

Why did you do that? (ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ)

I am pouting bec forgot my birthday.( ฉันงอนเพราะว่าคุณลืมวันเกิดของฉัน )

I pout because you forgot my birthday
I pull a long face because you forgot my birthday

Why are you so late? หรือ What happened?

เรียนภาษาอังกฤษกับแอนดรูว์ ๔

Bucknut’s looking handsome today, don’t you think?(บักนัดดูหล่อวันนี้ คุณว่าไหม)

Banana should stop drinking, don’t you think?(กล้วยควรวงดดื่มสุรา คุณว่าไหม)

What’s wrong? (คุณเป็นอะไร)Nothing. I’m just feeling a bit down. (ไม่มีอะไรหรอก รู้สึกกลุ้มใจนิด ๆ )

บางคนจะถามในรูปแบบ Are you okay? ทั้ง ๆ ที่เห็นชัดเจนว่าคนนั้นไม่โอเคเลย เช่น

Are you okay? (คุณเป็นอะไร)Have you ever been to Pattaya? (คุณเคยไปพัทยาไหม)

I have never eaten fermented fish. (ผมไม่เคยกินปลาร้า)

I have eaten fermented fish. (ผมเคยกินปลาร้า)

I'm used to getting up at 5 o'clock every morning. ( การที่จะตื่นทุกเช้าเวลาตี 5 นั้นผมก็ชินแล้ว )

I'm used to his complaints. ( ผมชินกับการบ่นของเขาแล้ว )

I'm used to traveling a long distance to work. ( ผมชินกับการเดินทางไกลไปที่ทำงานแล้ว )

ถ้ายังไม่ชินกับอะไรก็ใช้ not used to เช่น

I'm still not used to the food here in America . Send some instant noodles quickly!

( ผมยังไม่ชินกับอาหารที่อเมริกา ส่งบะหมี่กึ่งสำเหร็จรูปมาให้ด่วน !)

I've been at my new job for a week and still I'm not used to the system.

( ผมมาอยู่ที่ทำงานใหม่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วแต่ยังไม่ชินกับระบบ )

He's not used to this hot weather. ( เขายังไม่ชินกับอากาศร้อนอย่างนี้ )

โปรดทราบ … to be used to = ชิน แต่ถ้าเป็น used to เฉย ๆ ก็แปลว่า เคย เช่น

I am used to hot weather. ( ฉันชินกับอากาศร้อน )

I used to live in a hot climate. ( ฉันเคยอยู่ในอากาศที่ร้อน … แต่ตอนนี้ไม่อยู่ที่โน่นแล้ว )

1. Just thinking about it makes me tired. (แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว)

2. Just thinking about it makes me bored. (แค่คิดก็เซ็งแล้ว)

3. Just seeing it makes me not want to do it. (แค่เห็นก็ไม่อยากทำแล้ว)

What are you doing this weekend? ( เสาร์อาทิตย์นี้เธอจะทำอะไร )

I'm very impressed with you. ( ผมประทับใจในตัวคุณ )

Are you impressed with my work? ( คุณประทับใจกับงานของผมไหม )

I'm not impressed with the way you do things.( ผมไม่ประทับใจกับวิธีการทำของคุณ )

I can't come to work for the time being. I'm sick.( ในช่วงเวลานี้ผมมาทำงานไม่ได้ ผมป่วย )

Can I ask Somchai to help me for the time being?( ผมขอความช่วยเหลือจากสมชายสำหรับช่วงเวลานี้ได้ไหม )

Somcheng says she's happy to be single for the time being.( ส้มเช้งบอกว่าเธอพอใจที่ใช้ชีวิตเป็นโสดสำหรับช่วงเวลานี้ )

ตัวอย่างสุดท้ายนี้ชัดเจนที่สุดในความหมายว่า for the time being เป็นสภาพชั่วคราว คือในที่สุดส้มเช้งคงเริ่มรู้สึกว่าอยากหาแฟนใหม่

ผมว่า in the meantime มีความหมายคล้าย ๆ กันเพียงแต่ว่ามันหมายถึง ในช่วงเวลาระหว่างสองสิ่งหรือสองอย่าง เช่น

We cannot get any more stock until December. In the meantime, we'll have to use our old stock.
( เราไม่สามารถรับสินค้าใหม่จนถึงเดือนธันวาคม ดังนั้นในช่วงเวลานี้ … คือ ณ บัดนี้จนถึงเดือนธันวา … เราคงต้องใช้สินค้าเก่า )

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เรียนภาษาอังกฤษกับแอนดรูว์ ๓

I have something to do.” ( ผมขอตัวได้ไหม มีอะไรที่ผมจะต้องทำ )

Just a minute. I have to go to the bathroom. I won't be long.
( เดี๋ยวนะ … จะเข้าห้องน้ำ … ใช้เวลาไม่นาน )

You go ahead. I have to go to the bathroom. I might be a while.
( คุณไปก่อน ผมต้องเข้าห้องน้ำ อาจใช้เวลาหน่อย )

I'm terribly sorry for your loss.
( ผมเสียใจอย่างยิ่งกับการสูญเสียของคุณ … ฟังแล้วแปลกเหมือนกันแต่ความหมายคือขอแสดงความเสียใจเหมือนกัน )

What about going to the beach? กับ How about going to the beach? ทั้ง 2 หมายถึง ไปเที่ยวทะเลกันดีไหม หรือ

You are in my thoughts. ซึ่งมีความหมายว่า ผมกำลังนึกถึงคุณ

Let's go shopping. ( เราไปซื้อของกันดีกว่า )

I'll be the wind beneath your winds.( ผมจะเป็นกำลังใจให้คุณ หรือแรงกระตุ้นให้คุณ )

“It's my treat.” ซึ่งแปลว่า ผมจะจ่าย จะเลี้ยงคุณ

He moved out a long time ago.(เขาได้ย้ายออกไปตั้งนานแล้ว)

He used to rent this place but now he has moved out/away.
(เขาเคยเช่าบ้านนี้แต่ว่าตอนนี้เขาได้ย้ายออกไปแล้ว)

“Do you know how I can contact him?” หรือ “Do you have a contact number?”
หรือ “Do you know his new address?” หรือ “Do you know where he’s moved to?”

Sorry, I don’t know (ขอโทษทีแต่ผมไม่ทราบครับ)

He is not here.ให้ความหมายว่า ตอนนี้เขาไม่อยู่

Banana? I know of him, but he's not a friend.(กล้วยรึครับ ผมรู้จักเขาแต่เขาไม่ใช่เพื่อนผม)

I've met Bucknut once or twice, but I don't know him closely.(หนูเคยพบกับบักนัดสองครั้งแต่รู้จักเขาไม่สนิท)

Kanok is a cool-headed guy. กนกเป็นคนใจเย็น

I think of you. (ผมนึกถึงเธอ)

I miss you. I wish you’d come back. (ผมคิดถึงเธอ หวังว่าเธอจะกลับมา)

เรียนภาษาอังกฤษกับแอนดรูว์ ๒

How many apples are there in the basket? ( มีแอปเปิ้ลกี่ลูกในตะกร้า … apples เป็นคำนามนับได้เพราะมี s ตอนท้ายที่แสดงถึงพหุพจน์ )

How many pets do you have? ( คุณมีสัตว์เลี้ยงกี่ตัว … pets เป็นคำนามนับได้เพราะมี s ตอนท้าย )

How much money do you have? ( คุณมีเงินเท่าไร … ไม่สามารถเติม s ตอนท้ายคำว่า money ครับ )

How much time is left? ( มีเวลาเหลือเท่าไร … time ในความหมายว่า เวลานี้ไม่สามารถลง s ตอนท้ายได้ )

I was full of joy when I won the lottery. ( ผมเต็มไปด้วยความปลื้มปีติเมื่อถูกหวย )

Going to a karaoke bar gives Kanok a great deal of joy.( การที่ไปเที่ยวร้านคาราโอเกะทำให้กนกรู้สึกมีความสุขมาก )

I'm sorry I can't join your birthday party.( ขอโทษแต่ผมมาร่วมฉลองวันเกิดคุณไม่ได้ )

We're having dinner at Krissana Pochana. Would you like to join us?
( คืนนี้เราจะทานข้าวกันที่ร้านกฤษณะโภชนา คุณอยากมาร่วมทานข้าวกันไหม )

Will you let me go home early today? วันนี้คุณอนุญาตให้ผมกลับบ้านเร็ว

He won't let me go! ( เขาไม่ยอมปล่อยฉันไป !)

Sorry I can't play with you. Mum won't let me.( ขอโทษแต่ผมไปเล่นกับคุณไม่ได้ แม่ไม่ยอม )

What time will I pick you up? ( ผมจะไปรับคุณกี่โมง )

I asked my mother to pick me up outside the train station at 6.( ผมขอให้คุณแม่มารับผมหน้าสถานีรถไฟเวลา 6 โมงเย็น )

ในสถานการณ์เช่นนี้เราคงไม่ใช้ receive กับบุคคลครับ ที่คุณอาจสับสนคือ ใช้ pick up กับสิ่งของด้วยเช่นกันครับ อาทิ

Could you pick up a parcel at the post office please?( ช่วยไปรับพัสดุที่ไปรษณีย์ )

ที่จริงแล้ว receive หมายถึง ได้รับอะไรบางอย่าง ไม่ใช่ว่าไปที่ใดที่หนึ่งเพื่อรับบุคคลหรือสิ่งของ เช่น

I received a book as a present for my birthday.( ผมได้รับหนังสือเป็นของขวัญวันเกิดผม )

pick up มีความหมายว่า ซื่อ ด้วยครับ

I picked up a book at the mall today. ( ผมซื้อหนังสือที่ห้างวันนี้ )

และสุดท้ายนี้ควรทราบว่าในเชิงแสลง pick up มีความหมายว่า จีบให้สำเร็จ ด้วย

I picked up a beautiful girl at the office party last night.( ผมได้จีบสาวสวยที่งานเลี้ยงของออฟฟิศเราเมื่อคืน )

You should give up smoking. ( คุณควรจะเลิกสูบบุหรี่ )

Pencil looks drunk; he should go home.( ดินสอดูท่าทางจะเมาแล้ว เขาควรกลับบ้าน )

คำว่า ไม่ควร คือ should not หรือ shouldn't เช่น

I shouldn't be here. ( ผมไม่ควรอยู่ที่นี่ )

You shouldn't be saying that. ( เธอไม่ควรพูดอย่างนั้น )

What are you doing? ( คุณกำลังทำอะไรอยู่ )

Where are you going? ( คุณไปไหน )

Why did you do that? ( คุณไปทำอย่างนั้นทำไม )

I used to go to Pattaya. ( ผมเคยไปพัทยาแต่ตอนนี้ไม่ไปแล้ว … อาจเป็นเพราะทะเลสกปรกหรือฝรั่งมากเหลือเกินก็ไม่ทราบ )

He used to smoke. ( เขาเคยสูบบุหรี่แต่ตอนนี้เขาไม่สูบแล้ว )

She used to like him. ( เธอเคยชอบเขาแต่ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว )

ดังนั้นประโยคที่ว่า ผมเคยไปพัทยา แปลได้สองอย่างคือ

I have been to Pattaya. ถ้าความหมายคือ เคยไปพัทยาในอดีต หรือ

I used to go to Pattaya. ถ้าเคยไปบ่อยในอดีตแต่ตอนนี้ไม่ไปแล้ว

It's like Banana is always happy when a pretty girl asks him a question.
( ดูเหมือนว่า กล้วยยิ้มแย้มแจ่มใสทุก ๆ ครั้งที่สาวสวยมีคำถามมาถามเขา )

Trying to locate him after work is the same as trying to find a needle in a haystack.
( การที่จะหาเขาหลังเวลาทำงานเหมือนหาเข็มในกองฟาง … ฝรั่งเปรียบเทียบโดยใช้กองฟาง … คนไทยใช้มหาสมุทรใช่ไหมครับ )

I had a bad day today. ( วันนี้ไม่ค่อยดีสำหรับผม )

Really? Tell me about it. ( จริงหรือ … ไหนเล่าให้ฟังสิ )

The weather's been hot today. ( วันนี้อากาศร้อน )

Tell me about it! I've been walking around outside all day today!( รู้แล้วเพราะฉันเดินตระเวนข้างนอกทั้งวันเลย )

Boy has a terrible singing voice. ( เสียงร้องเพลงของบอยแย่มาก )

Tell me about it! I had to sit next to him at a karaoke bar last night!
( ไม่ต้องบอกฉัน เมื่อคืนดิฉันถูกบังคับนั่งข้าง ๆ เขาที่ร้านคาราโอเกะทั้งคืน )

Let's go to the temple to make merit. ( เราไปวัดเพื่อทำบุญกันเถอะ )

I'm still paying off my car. ( ดิฉันยังผ่อนชำระรถอยู่ )

It will take me another 10 years to pay off my house.( ต้องใช้เวลาอีก 10 ปีกว่าจะผ่อนบ้านผมให้หมด )

I didn't have enough money to buy a car, so I made a downpayment and now I'm paying it off in monthly installments.
( ผมมีเงินไม่พอที่จะซื้อรถ ผมเลยจ่ายเงินดาวน์แล้วตอนนี้ผมผ่อนรถทุก ๆ เดือน )

Somcheng likes to stick her nose into other people's business.( ส้มเช้งชอบเสือกเรื่องคนอื่น )

Somsri doesn't want anyone bothering her, but Bakkoi keeps butting in.
( สมศรีไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับเธอ แต่บักกข่อยมักจะมาเสือกเรื่องของเธอเสมอ )

his food is good! Can I have some more?( อาหารนี่อร่อยดี ขออีกได้ไหมครับ )

This food is great! Another plate, please.( อาหารนี้เยี่ยมมาก ขออีกจานหนึ่งครับ )

This food is beautiful! Can I take some home with me?( อาหารนี้รสชาติดี ผมขอเอาส่วนหนึ่งกลับบ้านได้ไหมครับ )

ภาษาพูดใช้ yummy ซึ่งเป็นศัพท์น่ารัก ๆ ในความหมายว่า อร่อยมาก เช่น

This food is yummy! Can I have the recipe?( อาหารนี้อร่อยมาก ผมขอตำรับได้ไหมครับ )

The program didn't work the first time, so I reloaded it.( โปรแกรมใช้ไม่ได้ครั้งแรก ผมก็เลยใส่ใหม่อีกครั้งหนึ่ง )

Somcheng double-crossed me. She said she'd marry me but then found someone else. ( ส้มเช้งทรยศผม เธอบอกว่าจะแต่งงานกับผมแต่เธอก็หาคนอื่น )

Don't double-cross me … or you'll end up at the bottom of the Chaophraya River . ( อย่าหักหลังผม หรือเพราะเธออาจจะจบชีวิตที่ใต้พื้นแม่น้ำเจ้าพระยา )

I miss you so much.( คิดถึงเธอเหลือเกิน )

I'm thinking of you.( ผมกำลังคิดถึงคุณ )

I hope you're missing me, too.( หวังว่าเธอกำลังคิดถึงผมเหมือนกัน )

Somcheng and Bakkhoi have broken up! Somcheng found out that Bakkhoi had another girlfriend.
( ส้มเช้งกับบักข่อยเลิกกันแล้ว ส้มเช้งได้รู้ว่าบักข่อยมีแฟนอีกคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน )

Have you heard? Somcheng and Bakkhoi have made up.( คุณได้ข่าวหรือยัง ส้มเช้งกับบักข่อยกลับมาคืนดีกันแล้ว )

เรียนภาษาอังกฤษกับแอนดรูว์ ๑

She has very good manners.(เธอเป็นคนที่มารยาทดีมาก)

My mother taught me to be well-mannered in front of adults.
(คุณแม่สอนผมให้เป็นคนมารยาทดีต่อผู้ใหญ่)

Stop arguing! You’re such a bad-mannered boy!
(หยุดเถียงเสียที น้องเป็นเด็กมารยาทไม่ดีเลย)

I don’t know how to behave when I’m around Somcheng.
(ไม่รู้จะวางตัวอย่างไรเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับส้มเช้ง)

Bakkhoi behaves differently when his boss is here.
(บักข่อยวางตัวไม่เหมือนปกติเมื่อเจ้านายมาที่นี่)

Bakkhoi went to the pub last night. He's going again tonight as well.
( เมื่อคืนบักข่อยไปเที่ยวผับ คืนนี้เขาจะไปอีกด้วย )

Can I go with you as well? ( ผมไปกับคุณด้วยได้ไหม )

Our teacher's sick today. ( วันนี้ครูของเราป่วย )

Just as well. I forgot to do my homework. ( ดีเหมือนกัน หนูลืมทำการบ้าน )

We didn't believe Somsri when she said she was single, but she was right after all.
( พวกเราไม่เชื่อสมศรีเมื่อเธอบอกว่าเป็นโสด แต่ในที่สุดเรารู้ว่าเธอพูดจริง )

I'm not going to the party after all. ( ผมจะไม่ไปงานฉลอง … ถึงแม้ว่าเคยบอกว่าจะไป )

2. ใช้เมื่ออยากให้เหตุผลเพื่ออธิบายสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป เช่น

Don't invite Somcheng to Banana's birthday party. After all, she doesn't get on with him.
( อย่าชวนส้มเช้งไปงานวันเกิดของไอ้กล้วย เพราะเธอไม่ถูกกับเขา )

I'm going to spend more time with my family. After all, they're more important than money.
( ฉันจะใช้เวลากับครอบครัวผมให้มากขึ้น อย่างที่เขาพูดกันว่า ครอบครัวสำคัญกว่าเงิน )

But I love you. ( แต่ผมรักเธอ)

But I do love you. ( แต่ผมรักเธอจริง ๆ )

I do want to go. ( ผมอยากไปจริง ๆ )

She does seem a little strange today.
( ที่จริงแล้ววันนี้เธอได้ทำตัวแปลก ๆ … ซึ่งในตัวอย่างนี้กลายเป็นการแสดงความคิดเห็นตรงกับอีกฝ่ายหนึ่ง )

You do look tired. ( คุณดูเหนื่อยมาก )

สนทนาภาษาอังกฤษ

Personal Information ถาม-ตอบ ข้อมูลส่วนตัว

Q 1: What's your name? คุณชื่ออะไร
A1: Peter. ปีเตอร์

Q 2: Where are you from? / Where do you come from? คุณมาจากไหน
A 2: I'm from ... I come from ... ฉันมาจาก.......

Q 3: What's your surname / family name? คุณนามสกุลอะไร
A 3: Smith. สมิธ

Q 4: What's your first name? คุณชื่ออะไร
A 4: Tom. ทอม

Q 5: What's your address? ที่อยู่ของคุณคือที่ไหน
A 5: 7865 NW Sweet Street 7865 นอร์ธเวสต์ ถนนสวีท

Q 6: Where do you live? คุณอาศัยอยู่ที่ไหน
A 6: I live in San Diego. ฉันอาศัยอยู่ที่ ซาน ดิเอโก

Q 7: What's your (tele)phone number? คุณหมายเลขโทรศัพท์อะไร
A 7: 209-786-9845

Q 8: How old are you? คุณอายุเท่าไร
A 8: Twenty-five. I'm twenty-five years old. ยี่สิบห้า. ฉันอายุ 25 ปี

Q 9: When / Where were you born? คุณเกิดเมื่อไร ที่ไหน
A 9: I was born in 1961 / Seattle. ฉันเกิดในปี ค.ศ. 1961 ที่ซีแอตเติ้ล

Q 10: Are you married? / What's your marital status? คุณแต่งงานหรือยัง / สถานภาพการสมรสของคุณเป็นอย่างไร
A 10: I'm single. ฉันยังโสด

Q 11: What do you do? / What's your job? คุณทำอาชีพอะไร
A 11: I'm a librarian. ฉันเป็นบรรณารักษ์

Q 12: Where did you go? คุณไปไหนมา
A 12: I went to a friend's house. ฉันไปบ้านเพื่อนมา

Q 13: What did you do? คุณได้ทำอะไร
A 13: We played video games. เราเล่นวีดิโอเกมส์

Q 14: Where were you? คุณอยู่ที่ไหน (ถามที่เคยอยู่ในอดีต)
A 14: I was in New York for the weekend. ฉันอยู่ในนิวยอร์กตอนสุดสัปดาห์

Q 15: Have you got a car / job / house / etc.? คุณมีรถ / งาน / บ้าน ฯลฯ หรือเปล่า
A 15 : Yes, I've got a good job. ใช่ เรามีงานที่ดีทำ

Q 16: Have you got any children / friends / books / etc.? คุณมีบุตร / เพื่อน / หนังสือ ฯลฯ บ้างไหม
A 16: Yes, I've got three children - two boys and a daughter. ใช่ เรามีบุตร 3 คน เป็น ชาย 2 คน หญิง 1 คน

Q 17: Can you play tennis / golf / football / etc.? คุณเล่นเทนนิส / กอล์ฟ / ฟุตบอล / ฯลฯ เป็นไหม
A 17: Yes, I can play golf. ใช่ ฉันเล่นกอล์ฟได้

Q 18: Can you speak English / French / Japanese / etc.? คุณพูดภาษาอังกฤษ/ ฝรั่งเศส / ญี่ปุ่น ฯลฯ ได้ไหม
A 18: No, I can't speak Japanese. ไม่ได้ ฉันพูดญี่ปุ่นไม่ได้

Q 19: Could you speak English / French / Japanese / etc.? when you were five / two / fifteen / etc. years old?
คุณพูดภาษาอังกฤษ/ ฝรั่งเศส / ญี่ปุ่น ฯลฯ ได้ไหม ตอนคุณอายุ 5 / 2 / 15 / ฯลฯ ปี
A 19: Yes, I could speak English when I was five years old. ใช่ ฉันพูดภาษาอังกฤษได้เมื่ออายุ 5 ขวบ

Saying Hello พูดทักทาย
Q 20: How do you do? คุณสบายดีไหม
A 20: How do you do. Pleased to meet you. ยินดีที่เพบคุณ

Q 21: How are you? คุณสบายดีไหม
A 21: Fine, thanks. And you? สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ

Shopping เมื่อช็อปปิ้ง
Q 22: How can I help you? / May I help you? คนขาย: จะให้ช่วยอะไรบ้าง
A 22: Yes. I'm looking for a sweater. คนซื้อ: ครับ กำลังมองหาเสื้อสเวตเตอร์สักตัว

Q 23: Can I try it on? คนซื้อ: ขอลองได้ไหม
A 23: Sure, the changing rooms are over there. คนขาย: ได้ซีครับ ห้องลองเสื้ออยู่ตรงโน้นครับ

Q 24: How much does it cost? / How much is it? คนซื้อ: ราคาเท่าไร
A 24: It's $45. คนขาย: 45 เหรียญ

Q 25: How would you like to pay? คนขาย: คุณจะจ่ายยังไงครับ
A 25: By credit card. คนซื้อ: ใช้บัตรเครดิต

Q 26: Can I pay by credit card / check / debit card? คนซื้อ: ฉันจะจ่ายโดยใช้ บัตรเครดิต / เช็ค / บัตรเดบิต ได้ไหม
A 26: Certainly. We accept all major cards. คนขาย: ได้ซีครับ เรารับบัตรเครดิตยี่ห้อใหญ่ ๆ ทุกยี่ห้อ

Q 27: Have you got something bigger / smaller / lighter / etc.? คนซื้อ: คุณมีตัว ที่ใหญ่กว่า / เล็กกว่า / เบากว่า / ฯลฯ หรือไม่
A 27: Certainly, we've got a smaller sizes as well. คนขาย: มีครับ ขนาดเล็กกว่าเราก็มี

Asking Something Specific ถามคำถามเจาะจง
Q 28: What's that? นั่นอะไรน่ะ
A 28: It's a cat! แมว

Q 29: What time is it? เวลาเท่าไร
A 29: It's three o'clock. 3 นาฬิกา

Q 30: Can / May I open the window? ฉันขอเปิดหน้าต่างได้ไหม
A 30: Certainly. It's hot in here! ได้ซีครับ ข้างในนี่ร้อน

Q 31: Is there a bank / supermarket / pharmacy / etc. near here? มีธนาคาร / ซูเปอร์มาเก็ต / ร้านขายยา / ฯลฯ ที่อยู่ใกล้ ๆ บ้างไหม
A 31: Yes. There is a bank on the next corner next to the post office. มีครับ มีธนาคารแห่งหนึ่ง ที่มุมถนนถัดไปติดกับที่ทำการไปรษณีย์

Q 32: Where is the nearest bank / supermarket / pharmacy / etc.? ธนาคาร / ซูเปอร์มาเก็ต / ร้านขายยา / ฯลฯ ที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหนครับ
A 32: The nearest pharmacy is on 15th street. ร้านขายยาที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ถนนหมายเลข 15

Q 33: Who wrote / invented / painted / etc. the ...? ใครคือผู้ เขียน / ประดิษฐ์ / วาด ภาพ / ฯลฯ .....
A 33: Hemingway wrote "The Sun Also Rises". เฮมิงเวย์เขียนหนังสือ "The Sun Also Rises"

Q 34: Is there any water / sugar / rice / etc.? มีน้ำ / น้ำตาล / ข้าว ฯลฯ บ้างไหม
A 34: Yes, there's a lot of sugar left. มีครับ มีน้ำตาลเหลืออยู่เยอะทีเดียว

Q 35: Are there any apples / sandwiches / books / etc.? มีแอปเปิ้ล / แซนด๋วิช / หนังสือ / ฯลฯ บ้างไหม
A 35: No, there aren't any apples left. ไม่มีครับ ไม่มีแอปเปิ้ลเหลืออยู่เลย

Q 36: Is this your / his / her / etc. book / ball / house / etc.? นี่คือ หนังสือ / ลูกบอล / บ้าน / ฯลฯ ของคุณ / ของเขา / ฯลฯ ใช่ไหมครับ
A 36: No, I think it's his ball. ไม่ใช่ครับ ฉันคิดว่าเป็นลูกบอลของเขา


Q 37: Whose is this / that? สิ่งนี้ / สิ่งนั้น เป็นของใคร
A 37: It's Jack's. เป็นของแจ๊ก

Questions with 'Like' คำถามที่มีคำว่า ‘like’ (like แปลว่า ‘ชอบ’ หรือ ‘คล้าย’ หรือ ‘มีลักษณะ’)
Q 38: What do you like? คุณชอบอะไร
A 38: I like playing tennis, reading and listening to music. ฉันชอบเล่นเทนนิส, อ่านหนังสือ และฟังเพลง

Q 39: What does he look like? เขามีลักษณะเป็นยังไง
A 39: He's tall and slim. เขาสูงและผอม

Q 40: What would you like? คุณชอบอะไร
A 40: I'd like a steak and chips. ฉันชอบสเต็กและชิป

Q 41: What is it like? มันมีลักษณะเป็นอย่างไร
A 41: It's an interesting country. มันเป็นประเทศที่น่าสนใจประเทศหนึ่ง
Q 42: What's the weather like? อากาศเป็นอย่างไรบ้าง
A 42: It's raining at the moment. ตอนนี้ฝนตก

Q 43: Would you like some coffee / tea / food? คุณจะรับกาแฟ / ชา / อาหาร บ้างไหม
A 43: Yes, thank you. I'd like some coffee. ครับ ขอบคุณครับ ขอรับกาแฟแล้วกันครับ

Q 44: Would you like something to drink / eat? จะรับอะไรดื่ม / ทาน ไหมครับ
A 44: Thank you. Could I have a cup of tea? ขอบคุณครับ ขอชาสักถ้วยได้ไหมครับ

Asking for an Opinion พูดขอความคิดเห็น
Q 45: What's it about? มันเกี่ยวกับอะไร
A 45: It's about a young boy who encounters adventures. เกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเผชิญเรื่องผจญภัย

Q 46: What do you think about your job / that book / Tim / etc.? คุณคิดยังไงเกี่ยวกับ งานของคุณ / หนังสือเล่มนั้น / ทิม / ฯลฯ
A 46: I thought the book was very interesting. ฉันคิดว่าหนังสือเล่มนั้นน่าสนใจมาก

Q 47: How big / far / difficult / easy is it? มันใหญ่ / ไกล / ยาก / ง่าย ขนาดไหน (ใช้ it = เอกพจน์)
A 47: The test was very difficult! ข้อสอบยากมาก

Q 48: How big / far / difficult / easy are they? มันใหญ่ / ไกล / ยาก / ง่าย ขนาดไหน (ใช้ they = พหูพจน์)
A 48: The questions were very easy. คำถามง่ายมาก

Q 49: How was it? มันเป็นอย่างไรบ้าง
A 49: It was very interesting. มันน่าสนใจมาก

Q 50: What are you going to do tomorrow / this evening / next week / etc.? คุณกำลังจะทำอะไรพรุ่งนี้ / เย็นนี้ / สัปดาห์หน้า / ฯลฯ
A 50: I'm going to visit some friends next weekend. ฉันจะไปเยี่ยมเพื่อนสุดสัปดาห์หน้า


Suggestions คำแนะนำ
Q 51: What shall we do this evening? เราจะทำอะไรกันดีเย็นนี้
A 51: Let's go see a film. ไปดูหนังกันเถอะ

Q 52: Why don't we go out / play tennis / visit friends / etc. this evening? ทำไมเราไม่ออกไปข้างนอก / เล่นเทนนิส / ไปเยี่ยมเพื่อน / ฯลฯ กันเย็นนี้
A 52: Yes, that sounds like a good idea. ใช่ ฟังดูเข้าท่าทีเดียว

คำทักทาย

คำทักทาย ก่อนจากกัน ( Leave Taking )

- See you later ( again ก็ได้ )
( ซี ยู เลเท่อร์ ( อะเกน ก็ได้)
แล้วเจอกันอีกนะคะ

- See you tomorrow. หรือ See you next time.
( ซี ยู ทูมอโร่ หรือ ซี ยู เน็คสท์ ไทม์ )
พบกันพรุ่งนี้ หรือ พบกันโอกาสหน้า นะคะ

- Goodbye หรือ bye.
( กึดบาย หรือ บาย )
ลาก่อน ใช้ตอนกลางวัน

- So long
( โซ ลองก์ )
ลาก่อน ใช้กับคนสนิทกัน

- Good night.
( กึด ไน่ท์ )
ลาก่อนใช้ตอนกลางคืน

- See you.
(ซี ยู )
แล้วเจอกันนะ

- Take care.
( เท็ค แคร์ )
รักษาสุขภาพนะ

การกล่าวขอบคุณ

การกล่าวขอบคุณ เมื่อต้องการกล่าวขอบคุณจะใช้ประโยคดังต่อไปนี้

- Thank you very much for your help.
( แธงค์กิ่ว เวรี มัช ฟอร์ ยัวร์ เฮว )
ขอบคุณมากสำหรับการช่วยเหลือ

- That’s very kind of you.
( แดทส เวริ คาย อ๊อฟยู )
ขอบคุณที่กรุณา

- Thanks a lot .
( แธงส อะลอทท์ )
ขอบคุณมาก

การกล่าวขอโทษ

การกล่าวขอโทษ เมื่อต้องการกล่าวขอโทษในสิ่งที่กระทำลงไปอย่างไม่ตั้งใจ จะใช้สำนวนต่อไปนี้

- I must apologize for …………
( ไอ มัส อะพอลโลไจซ ฟอร์ )
ฉันต้องขอโทษสำหรับ..........

- Please accept my apologies
( พลีส แอ็คเซ็พท์ มาย อะพอลโลจีส์ )
กรูณายกโทษให้ฉันด้วย

- Please forgive me for………
( พลีส ฟอร์กีฟ มี ฟอร์............... )
กรุณายกโทษให้ฉันด้วยสำหรับ..............

- I’m really sorry.
( อาม เรลลิ ซอริ )
ฉันขอโทษจริงๆ

- Sorry !
( ซอริ )
ขอโทษ

การกล่าวเวลาขอโทษเมื่อขัดจังหวะ เพื่อสอบถามเรื่องอื่น ๆ

การกล่าวขอโทษเมื่อขัดจังหวะ เพื่อสอบถามเรื่องอื่น ๆ จะใช้

- Excuse me
( อิคคิวส มี )
ขอโทษครับ หรืออาจจะพูดว่า

- I beg your pardon.
( ไอ เบค ยัวร์ พาเดิ้น )
ขอโทษครับ

ตัวอย่างเช่น
- Excuse me, is this the way to the railway station ?
( อิคสคิวส มี อีส ดีท เธอะ เวย์ ทู เดอะ เรลเวย์ สเตชั่น )
ขอโทษครับนี่คือทางไปสถานีรถไฟใช่ไหม

ตัวอย่างบทสนทนา
A : I’m sorry I broke your vase.
( อาม ซอริ ไอ โบรค ยัวร์ เวส )
ฉันขอโทษด้วย ฉันทำแจกันแตก

B: That’s all right.
( แดทซอล ไรท์ )
ไม่เป็นไร

A: Will you please forgive me for not coming to your party last night ?
( วิล ยู พลีล ฟอร์กีฟ มี ฟอร์ น๊อต คัมมิ่ง ทู ยัวร์ พาร์ติ ลาส ไนท์ )
ขอโทษครับที่ไม่ได้ไปงานเลี้ยงของคุณเมื่อคืนนี้

เกี่ยวกับครอบครัว (The Family)

เกี่ยวกับครอบครัว (The Family)

Jane : Are your parents still living ?
( อาร์ ยัวร์ แพเร้นทส์ สทิล ลิฟวิ่ง )
พ่อกับแม่ของคุณยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า

Malee: My father is, but my mother has been dead about two years.
( มาย ฟาเธ่อะ อิส,บัท มาย มัทเท่อะ แฮส บีน เด๊ด อะเบ้าท์ ทู้ เยียส์ )
พ่อยังอยู่แต่แม่ของฉันเสียมาได้ 2 ปีแล้ว

Jane : Do you live with your father, now ?
( ดู ยู ลิฟ วิท ยัวร์ ฟาเธ่อะ, นาว )
คุณยังอยู่กับพ่อหรือคะในขณะนี้

Malee: Yes, and I have a younger sister.
( เยส, แอน ไอ แฮฟ อะ ยังเก่อะ ซิสเธ่อะ )
ค่ะ และฉันมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง

How many sisters do you have ?
( เฮาว์ เม้นิ ซิสเทอร์ ดู ยู แฮฟ )
คุณมีพี่สาวและน้องสาวกี่คน

Jane : I have two sisters.
( ไอ แฮฟ ทู ซิสเทอส์ )
ฉันมีพี่สาวน้องสาว 2 คน

Malee : How many brothers do you have ?
( เฮาว์ เมนิ บรัทเธอส์ ดู ยู แฮฟ )
คุณมีพี่ชายและน้องชายกี่คน

Jane : I have one, his name is Boon. Here, this is a new picture of my family.
( ไอ แฮฟ วัน, ฮิส เนม อิส บุญ เฮียร์, ธิส อิส อะ นิว พิคเช่อะ ออฟ มาย แฟมิลิ
ฉันมีคนเดียว เขาชื่อบุญ นี่ไงรูปถ่ายใบใหม่ของครอบครัวฉัน

And you, John. Do you live alone ?
แอน ยู จอร์น ดู ยู ลิฟ อะโลน )
แล้วคุณหล่ะจอร์น คุณอยู่คนเดียวหรือ

John : No, I have my parents, and I live with them.
( โน, ไอ แฮฟ มาย แพเร้นทส์ แอน ไอ ลิฟ วิท เดม )
เปล่าครับ ผมมีพ่อแม่และผมก็อยู่กับท่านด้วย

Jane : That’s good, I have no parents. They left me and went to heaven.
( แดทส กูด ไอ แฮฟ โน แพเร้นท์ เด เลฟท์ มี แอน เว้นท์ ทู เฮฟเวน )
คุณดีนะคะ ฉันสิไม่มีพ่อแม่เลย พ่อแม่ทิ้งฉันไปสวรรรค์แล้วทั้งคู่

John : I’m sorry, so do you live alone ?
( แอม ซอริ โซ ดู ยู ลิฟ อะโลน )
ผมเสียใจด้วย ยังงั้นคุณก็อยู่คนเดียวนะซี

Jane : No, I live with my cousin.
( โน ไอ ลิฟ วิท มาย คัสซึ่น )
ไม่หรอกค่ะ ฉันอยู่กับญาติของฉัน

John : Have you ever seen your grand parents ?
( แฮฟ ยู เอฟเว่อะ ซีน ยัวร์ แกรนด์ แพเร้นท์ )
คุณเคยเห็นปู่ย่าตายายหรือเปล่าครับ

Jane : No, I haven’t
( โน ไอ แฮฟวึ่นท )
เปล่าครับ ไม่เคยเห็นเลย

A : Is she your sister ?
( อีส ชี ยัวร์ ซิสเธ่อะ )
เธอคือพี่สาว/น้องสาวของคุณใช่ไหม

B : Yes, she is. Her name is Ann.
( เยส ชี อีส เฮอร์ เนม อีส แอน )
ใช่ค่ะ เธอชื่อแอน

A : Are they your parents ?
( อาร์ เด ยัวร์ แพเร้นท์ )
เขาทั้งหลายคือพ่อแม่ของคุณใช่ไหม

B : Yes, they are.
( เยส เด อาร์ )
ใช่ค่ะ

A : That’ s Paul.
( แดทส พอล )
นั่นพอลนี่

B : Is he your brother ?
( อีส ฮี ยัวร์ บรัทเธ่อะ )
เขาเป็นพี่ชาย/น้องชายของคุณใช่ไหม


A : No, he is not. He is my cousin.
( โน ฮี อีส น็อท ฮี อีส มาย คัสซึ่น )
ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง

คำศัพท์ ( Vocabulary.)
  • Father / Dad / Papa ฟาเธ่อะ / แด๊ด / ปาป้ะ พ่อ
  • Mother มัทเธ่อะ แม่
  • Grand –father แกรนด์ฟาเธ่อะ ปู่, ตา
  • Grand-mother แกรนด์มัทเธ่อะ ย่า, ยาย
  • Elder-brother เอลเด้อะบรัทเธ่อะ พี่ชาย
  • Elder-sister เอลเด้อะซิสเธ่อะ พี่สาว
  • Younger-brother ยังเก้อะบรัทเธ่อะ น้องชาย
  • Younger-sister ยังเก้อะซิสเธ่อะ น้องสาว
  • Cousin คัสซึ่น ลูกพี่ลูกน้อง
  • Uncle อังเคิล ลุง, อา
  • Aunt อั๊นท์ ป้า, น้า
  • Son ซัน ลูกชาย
  • Daughter ดอเท่อะ ลูกสาว
  • Child ไชลด์ ลูก, เด็ก
  • Husband ฮัสแบน สามี
  • Wife ไว้ฟ์ ภรรยา
  • Nephew เนฟฟิว หลานชาย
  • Niece นีซ หลานสาว
  • Son-in-law ซันอินลอว์ ลูกเขย
  • Daughter-in-law ดอเท่อะอินลอว์ ลูกสะใภ้
  • Father-in-law ฟาเธ่อะอินลอว์ พ่อตา
  • Mother-in-law มัทเธ่อะอินลอว์ แม่ยาย

การทักทายหรือสวัสดีในภาษาไทย (Greeting)

การทักทายหรือสวัสดีในภาษาไทย (Greeting) เมื่อเราพบกันจะมีการทักทายพูดคุย เริ่มต้นด้วยประโยค
เหล่านี้ทุกครั้ง ซึ่งมีดังต่อไปนี้

- Good morning
( กึด มอร์หนิ่ง )
คำทักทายตอนเช้าถึงเที่ยง

- Good afternoon
( กึด อ่าฟเทอร์นูน)
คำทักทายตอนหลังเที่ยงถึงก่อนพลบค่ำหรือเย็น

- Good evening
( กึด อีฟเว็นหนิ่ง )
คำทักทายตอนเย็นหรือพลบค่ำ

- Hello ! (เฮลโล่) หรือ Hullo ! (ฮัลโล่) หรือ Hi ! (ไฮ)
ใช้กล่าวสวัสดีทั่วไปไม่จำกัดเวลา สามารถเอ่ยชื่อบุคคลตามหลังคำกล่าวสวัสดีเหล่านี้ได้
เช่น Hi, Jenny. และมักสนทนาต่อด้วยประโยคต่อดังนี้
- How do you do ?
( ฮาว ดู ยู ดู )
สบายดีหรือ ใช้เมื่อพบกันครั้งแรกในชีวิต พูดตอบคำเดิม คือ How do you do ?
พบกันครั้งต่อไปให้ทักว่า

- How are you ?
( ฮาว อาร์ ยู )
สบายดีหรือ .ใช้ในโอกาสทั่วไป
คำตอบ คือ I' m fine หรือ well หรือ quite well .
(ไอแอมไฟน์หรืออามไฟน์ หรือ เวล ไคว้ เวล )
สบายดี
- Not well.
(น้อท เวล)
ไม่ค่อยสบาย

- I have a head ache.
( ไอ แฮฟว์ อะ เฮ้ด เอ่ค )
รู้สึกปวดศีรษะ

- I have the flu.
ไอ แฮฟว์ .เธอะ ฟลู )
ไข้หวัดใหญ่

- Not so well, thanks. I ( have ) got a cold. หรือ I have a cold.
( น้อท โซ เวล, แธ้งส์ . ไอ แฮบว์ ก้อทอ ะ โคลด์ หรือ ไอ แฮบว์อะ โคล )
ไม่สบายค่ะ เป็นหวัด

- I have a stomach ache.
(ไอ แฮฟว์ สทั่มมัค เอ้ค )
ดิฉันปวดท้องหรือกระเพาะอาหาร

- I have a tooth ache
( ไอ แฮฟว์ ทูธ เอ้ค )
ดิฉันปวดฟัน

- My gums are sore.
. ( มายกัมส์ อาร์ ซอร์ )
ดิฉันปวดเหงือก

- Where are you going ?
( แวร์ อาร์ ยู โก๊อิ่ง )
จะไปไหนคะ

- To the market
( ทู เธอะ ม้าร์เก็ตท )
ไปตลาดค่ะ

- Pom, this is Thong and Thong, this is Pom.
(ป้อม ธิส อีส ต๋อง แอน ต๋อง ธิส อิส ป้อม)
เป็นการแนะนำให้บุคคล 2 คนรู้จักกัน คือ ป้อม, นี่ต๋องนะคะ แล้ว ต๋อง,นี่ป้อมค่ะ
ทั้งป้อมและต๋องทักทายกันและกันว่า “ ดีใจ ( ยินดี ) ที่รู้จัก .... .” ดังนี้ คือ

- Glad to meet you
( แกลด ทู มีท ยู่ )
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

- How nice ( wonderful ) to ( see ) meet you.
( ฮาวไนส์ หรือวันเคอฟุล ทู (ซี) หรือ มีท ยู่
ยินดีที่ได้รู้จักคุณ

- Pleased to see you.
( พลีสท์ ทู ซียู่ )
ยินดีที่ได้รู้จักคุณ

- Pleased to meet you.
(พลีส ทู มีท ยู)
ยินดีที่ได้รู้จักคุณ

การอำลา เมื่อต้องการจะยุติการสนทนา จะใช้

การอำลา เมื่อต้องการจะยุติการสนทนา จะใช้

- I really must be off now.
(ไอ เรลลิ มัส บี อ๊อฟ นาว)
ฉันต้องไปแล้วล่ะ

- I must go now.
(ไอ มัส โก นาว)
ฉันต้องไปแล้วล่ะ

- I’d better go now.
( ไอดึ เบทเทอร์ โกนาว )
ฉันคงต้องไปแล้ว

- It’s late. I should be going.
( อิท เลท ไอชู๊ดด์บีโกอิง )
สายแล้ว ฉันควรไปแล้วละ

และตามด้วยคำอาลาดังต่อไปนี้ ( จะใช้คำใดก็ได้ความหมายอยู่ที่น้ำเสียงและการแสดงออก )

Goodbye กึด บ๋าย
Bye – bye บาย บาย
Good night กึด ไนท์ ( เฉพาะเวลากลางคืน )
So long โซ ลอง
See you ซี ยู
See you later ซี ยู เลเทอร์
See you again ซี ยู อะเกน
See you around ซี ยู อะราวด์
Take care เทค แคร์
All the best ออล เดอะ เบสท์


สำหรับผู้ที่เพิ่งรู้จักกัน เมื่อจะยุติการสนทนา นิยมใช้

- It was nice meeting you
( อิท วอส ไนซ มีททิง ยู )
ยินดีที่รู้จัก และอีกฝ่ายหนึ่งก็จะตอบว่า

- Nice meeting you ,too Goodbye
(ไนซ มีททิง ยู ทู กึดบาย )
ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน

ตัวอย่าง
Suda : Well. I must be going . It was nice meeting you. Miss Vipa .
สุดา: ( เวล ไอ มัส บีโกอิง อิท วอส ไนซ์ มีททิง ยู มีส วิภา )
ฉันจะต้องไปแล้ว ยินดีที่ได้รูจักนะคะ วิภา

Vipa : Nice meeting you. Miss Suda. Goodbye.
วิภา : (ไนซ์มีททิงยู มีสสุดากึดบาย )
ยินดีที่ได้รูจักสุดา ลาก่อน

Suda : Bye – bye
สุดา : (บ๋าย-บาย)
ลาก่อน เช่นเดียวกัน

สำหรับการพูดตอบรับการขอบคุณ

สำหรับการพูดตอบรับการขอบคุณ อาจใช้สำนวนต่อไปนี้

- You’re welcome
( ยัวร์อะ เวลคัม )
ด้วยความยินดี

- My pleasure
( มาย พลีสเชอร์ )
ด้วยความยินดี

- Don’t mention it
( โด้นท เม้นชั่น อิท )
( ไม่เป็นไร )

- Not at all
( น๊อทแธท ออล )
ไม่เป็นไร

- Any time
( เอ นิ ทาม )
ยินดีเสมอ

ตัวอย่างบทสนทนา
Tim : Thank you very much for the gift.
ทิม : ( แธงค์ กิ่ว เวริ มัช ฟอเ ธอะ กิฟท์ )
ขอบคุณมากสำหรับของขวัญ

Suda : Don’t mention it
สุดา : ( โด้นท เม้นชั่น อิท )
ไม่เป็นไร

Vipa : That’s very kind of you .Thanks.
( แดทส เวริ คาย อ๊อฟ ยู แธงค์ )

Suda : It’s my pleasure.
( อิส มาย พลีสเชอร์ )

เมื่อจะตอบรับคำขอโทษ นิยมใช้สำนวนเหล่านี้

เมื่อจะตอบรับคำขอโทษ นิยมใช้สำนวนเหล่านี้

- That’s all right.
( แดทซ ออลไรท์ )
ไม่เป็นไร

- It doesn’t matter.
( อิท ดาสเซิล เมทเทอร์ )
ไม่เป็นไร

- Don’t worry.
(โด้น เวอริ )
ไม่ต้องกังวล

- Not at all .
( น้อท แอทออล )
ไม่เป็นไร

- That’s O.K.
( แดทซ โอ เค )
ไม่เป็นไร

ตัวอย่างประโยคอื่นๆที่มักพูด หรือ ใช้ในการสนทนา เมื่อพบปะกับชาวต่างชาต

ตัวอย่างประโยคอื่นๆที่มักพูด หรือ ใช้ในการสนทนา เมื่อพบปะกับชาวต่างชาติ

- How are you ?
( ฮาว อาร์ ยู )
สบายดีไหม

- Where do you live ?
( แวร์ ดู ยู ลิฟว์ )
คุณอยู่ที่ไหน หรือ คุณมาจากไหน

- Where are you from?
( แวร์ อาร์ ยู ฟรอม)
คุณอยู่ที่ไหน หรือ คุณมาจากไหน

- How much……? .
( ฮาว มั้ช )
ใช้กับนามนับไม่ได้ ถามเกี่ยวกับจำนวน

- How many……?
( ฮาว เมนี่ )
ใช้กับนามนับได้ ถามจำนวนเหมือนกัน เช่น

- How much is the book ?
( ฮาวมั้ช อิซ เธอะ บุ้ค )
หนังสือเล่มนี้ราคาเท่าไร

- How many pens do you have ?
( ฮาว เม้นี่ เพนส์ ดู ยู แฮบว์ )
คุณมีปากกากี่ด้าม

- what is this ?
( ว้อท อิซ ธิซ )
นี่คืออะไร

- What’s your name ?
(ว้อทส ยัว เนม)
คุณชื่ออะไร

- My name is Sommai.
( มาย เนม อิซ สมหมาย)
ผมชื่อสมหมาย หรือ ตอบว่า

- I am Sommai.
( ไอ แอม สมหมาย )
ผมชื่อสมหมาย

- I do not like …….
. ( ไอ ดู น้อท ไล่ค์ .......... . )
ฉัน หรือ ผม ไม่ชอบ.....

- He doesn’t like……
( ฮี เดอสซึ่นไล่ค์ )
เขา (ผู้ชาย) ไม่ชอบ.....

- Too expensive
( ทู เอ็คซเป๊นซีฟว์ )
ราคาแพงเกินไป



- chaep
( ชีพ )
ราคาถูก

- A little.
( อะลิ้ทเทิ่ล )
นิดหน่อย

- I undertand.
( ไอ อันเด่อร์สแต้นด์ )
ฉันเข้าใจ

- Do you undertand ?
( ดู ยู อันเดอร์สแต๋นด์ )
คุณล่ะเข้าใจไหม

- I do not undertand
(ไอดูน้อท อันเด่อร์สแต้นด์ )
ฉันไม่เข้าใจ

- Say again , please.
( เซ อะเกน พลีทส์ )
กรุณาพูดอีกครั้งนะคะ

- Excuse me , are you from Japan ?
( อิ่กซ์กิ้วซ์มี อาร์ ยู โฟรม เจแป้น )
ขอโทษค่ะ คุณมาจากญี่ปุ่นใช่ไหมคะ


- Then ,I must apologise , sir/madam
( เธน ไอ มัสท์ อัพพอลโลไจ๋ช เซ่อร์/มาดาม )
งั้นขอโทษด้วย ถ้าพูดกับผู้ชายใช้ sir พูดกับผู้หญิงใช้ madam หรือไม่พูดก็ได้

- You look like Korean.
( ยู ลุ้ก ไหล่ค์ โคเรี่ยน )
คุณหน้าตาคล้ายคนเกาหลี

- Oh, are you a Thai ?
( โอ้.. อาร์ ยู อะ ไทย )
อ้อ คุณเป็นคนไทยหรือคะ

- It’s rather difficult to tell the difference…
( อิท’ส ราเธอร์ดิฟฟิดคัลท์ ทู เทล เธอะ ดิฟเฟรนส )
มันค่อนข้างยากที่จะบอกความแตกต่าง
between a Korean and a Chinese.
( บีทะวีน อะ โคเรี่ยน แอนด์ อะ ไชนีสซ์ )
ระหว่างคนเกาหลีกับคนจีน

- They are alike.
( เธ อาร์ อะไล้ค์ )
หน้าตาเหมือนกันเลย

- Please, forgive me when I ask you this.
( พลีส ฟอร์กีฟว์ มี เวน ไอ อาสค ยู ธีซ )
ขออภัยที่ฉันถามแบบนี้



- we are not quite sure yet ?
( วี อาร์ น้อท ไคว้ท์ ชัวร์ เย็ท )
เรายังไม่มั่นใจ (ยังไม่ตกลงใจแน่นอน)

- How do you like here ?
( ฮาว ดู ยู ไล้ค์ เฮีย )
คุณชอบที่นี้ในแง่มุม (ขอความคิดเห็น) ไหนบ้างคะ


- I would like to go if I have a chance.
( ไอ วุด ไล้ค์ ทู โก อีฟ ไอ แฮฟ อะ แช้นซ์ )
ผมอยากไป ถ้ามีโอกาส

- I would like to practice speaking English.
( ไอ วุด ไลท์ ทู แพล้คทิส สปิคกิ่ง อิ้งหลิช )
ฉันอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษ

- In what way ?
( อิน ว้อท เวย์ )
ทางใด,แบบใด หรือ วิธีใดบ้าง

- I can’t think of words to say.
(ไอ ค้านท์ ธิงค์ เอิฟ เวิดส์ ทู เซ )
ฉันนึกคำที่จะพูดไม่ค่อยออก ( speak ใช้กับภาษา แต่ say ใช้กับคำอื่นๆ )

- The best way .
( เธอะ เบสท์ เวย์ )
ทาง ,วิธี, แบบที่ดีที่สุด

- Don’ t be shy .
(โด้น’ท บี ไช )
ไม่ต้องอายหรอก

- I find it difficult to speak English.
(ไอ ฟายน์ด์ อิท ดิ๊ฟฟิคคั่ลท์ ทู สปี้ค อิ้งหลิช )
ผมลำบากใจที่จะพูดภาษาอังกฤษ ( หรือ ภาษาอื่นๆ )

- When did you get back ?
( เวน ดิด ยู เก็ตท์ แบ็ค )
คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่

- I will miss you .
( ไอ วิล มิส ยู )
ฉันคงคิดถึงคุณ

- By all means .
( บาย ออล มีนส์ )
ไม่ขัดข้องเลย

- Nothing .
( น็อทธิ่งก์ )
ไม่มีอะไรหรอก

- Which one ? หรือ Who?
( วิช วัน หรือ ฮู )
อันไหน ,ตัวไหน หรือ คนไหน


- This is my first trip .
( ธิช อิซ มาย เฟิสท์ ทริพ )
นี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของฉัน

- What is that noise ?
( ว้อท อิซ แธท น่อยซ์ )
นั่นเสียงอะไร

- Of course , หรือ yes.
( เอิ่ฟ โคซ หรือ เยส )
ใช่

- Can you tell me where the bank is ?
( แคน ยู เทล มี แวร์ เธอะ แบ้งค์ อิซ )
ไปธนาคารทางไหนคะ

- board the plane.
( เบอดร์ เธอะ เพลน )
ขึ้นเครื่องบิน

- Get on the bus.
( เก็ท ออน เธอะ บัส )
ขึ้นรถประจำทาง


- Get off the bus.
( เก็ท อ้อฟ เธอะ บัส )
ลงรถประจำทาง

- Get in the car.
(เก็ท อิน เธอะ คาร์)
ขึ้นรถยนต์ (ส่วนบุคคล )

- Get out of the car.
(เก็ท เอ้าท์ เธอะ คาร์
ลงจากรถยนต์ (รถนั่งส่วนบุคคล )

ประโยคพูดสั้นๆที่ใช้ในการตอบรับหรือขอร้อง

ประโยคพูดสั้นๆที่ใช้ในการตอบรับหรือขอร้อง

1. That’ s enough.
( แดทส อีนัฟ )
พอแล้ว

2. That will do.
( แดท วิล ดู )
เห็นจะพอแล้ว

3. Not bad.
( นอท แบ๊ด )
ไม่เลวนี่

4. Some more, please. เวลาเราจะขออาหาร หรือน้ำเพิ่มต้องใช้คำนี้เสมอ
( ซัม มอร์ พลีส )
อีกสักนิดครับ

5. A little more, please.
( อะ ลิทเทิ่ล มอร์ พลีส )
อีกสักเล็กน้อยครับ

6. I think so.
( ไอ ทิ้งค์ โซ )
ผมก็คิดเช่นนั้น

7. Is that so ?
( อิส แดท โซ )
ยังงั้นรึ

8. Go ahead.
( โก อะ เฮด )
ว่าไปเลย, ต่อไป

9. I don’ t think so.
( ไอ โด้นท ทิ้งค์ โซ )
ฉันไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น

10. That seems alright.
( แดท ซีมส ออลไรท์ )
นั่นก็ดีเหมือนกัน

ดินฟ้าอากาศและฤดูกาล

ดินฟ้าอากาศและฤดูกาล ( The weather and seasons. ) ชาวต่างชาติมักจะสนทนาเรื่องดินฟ้า

อากาศเสมอ ซึ่งมีประโยคสนทนาดังต่อไปนี้

Tom : It’s cool today, isn’t it ?
( อิทส คูล ทูเด, อิสซึ่น อิท )
วันนี้อากาศหนาวนะ

Boy : You call this cool ? I think it’s just plain cold.
( ยู คอล ดิส คูล ไอ ทิ้งค์ อิทส จัสท์ เพลน โคลด์ )
คุณว่าอากาศที่นี่หนาวนะรึ แต่ผมว่าเพียงเย็นๆเท่านั้น

Tom : Oh, come now. It’s not that cold !
( โอ คัม นาว อิทส นอท แดท โคลด์ )
อ้าว ดูซิ ยังงี้ไม่เรียกว่าหนาวรึ !

Boy : It is too, I’m wearing a heavy sweater and I’m still shivering.
( อิท อิส ทู แอม แวริ่ง อะ เฮฟวิ สะเวทเทอะ แอน แอม สทิล ชิฟเวอหริ่ง )
เออ จริงนะ ผมใส่เสื้อหนาๆยังสั่นเลย

Tom : I hope you never go where it’s really cold.
( ไอ โฮพ ยู เนฟเว่อะ โก แวร์ อิทส เรียลลี่ โคลด์ )
ผมเชื่อว่า คุณคงจะไม่เคยไปสถานที่ๆหนาวจัดจริงๆแน่

Boy : Where, for example ?
( แวร์ ฟอร์ เอ๊กแซมเพิ่ล )
ที่ไหนรึ ลองยกตัวอย่างซิ




Tom : Like New York.
( ไลค์ นิว ยอร์ค )
เช่นที่นิวยอร์ค

Boy : How cold does it get there ?
( ฮาว โคลด์ ดัส อิท เกท แดร์ )
ที่นั่นหนาวขนาดไหนเชียวรึ

Tom : I’m not sure. But I know it gets below zero Fahrenheit
( แอม นอท ชัวร์ บัท ไอ โนว์ อิท เกทส์ บีโลว์ ซีโร แฟเรนไฮท์ )
ผมไม่แน่ใจนัก แต่เท่าที่รู้อุณหภูมิที่นั่นต่ำกว่าศูนย์ฟาเรนไฮท์ทีเดียว

Pim : In The States you’ve got four seasons, right ?
( อิน เดอะ สเททส์ ยูฟ กอท โฟร์ ซีเซิ่นส์ ไรท์ )
ที่สหรัฐฯ ของคุณมี 4 ฤดูกาลใช่ไหมค่ะ

Ann : Right. Summer, winter, spring and fall. Some people call fall, autumn.
( ไรท์ ซัมเม่อะ วินเท่อะ สปริง แอน ฟอล ซัม พีเพิ่ล คอล ฟอล ออทั่ม )
ใช่ครับ มีฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงแต่บางคนเรียกฤดูใบไม้ร่วงว่า
ออทั่ม

Pim : We’ve got only three seasons in Thailand.
( วีฟ กอท โอนลิ่ ทรี ซีเซิ่นส์ อิน ไทยแลนด์ )
เรามี 3 ฤดูในประเทศไทย

Ann : What are they ?
( วอท อาร์ เด )
ฤดูอะไรบ้างค่ะ


Pim : We’ve got a cool season, a rainy season and a hot season.
( วีฟ กอท อะ คูล ซีเซิ่น อะ เรนนิ ซีเซิ่น แอน อะ ฮอท ซีเซิ่น )
เรามีฤดูหนาว ฤดูฝนแล้วก็ฤดูร้อน

Ann : What’s the dry season ?
( วอทส เดอะ ไดร ซีเซิ่น )
แล้วที่เรียกว่าฤดูแล้งล่ะ

Pim : That’s a combination of the cool and hot seasons.
( แดทส อะ คอมบิเนชั่น ออฟ เดอะ คูล แอน ฮอท ซีเซิ่นส์ )
หมายถึงทั้งฤดูหนาวกับฤดูร้อน

Ann : When do the rains begin ?
( เว็น ดู เดอะ เรนส์ บีกิน )
แล้วฤดูฝนเริ่มแต่เมื่อไหร่คะ

Pim : In July. Generally they last through October.
( อิน จูไล เยนเนอแรลลิ เด ลาสท์ ทรู ออคโทเบ้อะ )
ในเดือนกรกฎาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม

Ann : When does summer begin and end ?
( เว็น ดัส ซัมเม่อะ บีกิน แอน เอ็น )
ฤดูร้อนเริ่มต้นและสิ้นสุดเมื่อไร

Pim : Summer begins in March and ends in May.
( ซัมเม่อะ บีกินส์ อิน มาร์ช แอน เอ็นส์ อิน เม )
ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมและสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม


Ann : Do you like the summer ?
( ดู ยู ไ ล้ค์ เธอะ ซัมเม่อะ )
คุณชอบฤดูร้อนไหม

Pim : In summer, the weather is warm. I like summer best of all.
( อิน ซัมเม่อะ เดอะ เวทเท่อะ อิส วอม ไอ ไล้ค์ ซัมเม่อะ เบสท์ ออฟ ออล )
ในฤดูร้อน อากาศอบอุ่น ฉันชอบฤดูร้อนมากที่สุด

Do you like or dislike the rainy season ?
( ดู ยู ไล้ค์ ออร์ ดิสไล้ค์ เดอะ เรนนิ ซีเซิ่น )
คุณชอบฤดูฝนหรือเปล่าคะ

Ann : I don’t like the rain. It makes the roads so dirty.
( ไอ โด้นท ไล้ค์ เดอะ เรน อิท เมคส์ เดอะ โรดส์ โซ เดอทิ )
ฉันไม่ชอบฝน มันทำให้ถนนสกปรก


Pim : But in the rainy season, the weather is neither too hot nor too cold.
( บัท อิน เดอะ เรนนิ ซีเซิ่น เดอะ เวทเท่อะ อิส นี่เท่อะ ทู ฮอท นอร์ ทู โคลด์ )
แต่ในฤดูฝน อากาศไม่ร้อนจัดหรือหนาวจัดเกินไป

Ann : And what about the winter ? I like the winter very much.
( แอน วอท อะเบาท์ เดอะ วินเท่อะ ไอ ไล้ค์ เดอะ วินเท่อะ เวรี่ มัช )
แล้วฤดูหนาวเป็นไงบ้างคะ ฉันชอบฤดูหนาวมาก

Pim : But don’t you mind the cold ?
( บัท โด้นท ยู มาย เดอะ โคลด์ )
แล้วคุณไม่กลัวความหนาวหรือ


Ann : I like the cold very much.
( ไอ ไล้ค์ เดอะ โคลด์ เวรี่ มัช )
ฉันชอบอากาศหนาวมาก

สำนวนอื่น ๆ เกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ
- Seems like it is going to rain.
( ซีมส์ ไล้ค์ อิท อิซ โกอิ่ง ทู เรน )
ดูเหมือนฝนจะตก

- Sunny out.
( ซันนี่ เอ้าท์ )
ร้อน , แดดจัด

- Warm today.
( วอร์ม ทุเด่ย์ )
วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน

- Chilly.
( ชิลลี่ )
เย็น, ชื้น

- Rain hard.
( เรน ฮ้าด )
ฝนตกหนัก

- Foggy
( ฟ้อกกี่ )
หมอกจัด


- Windy
( วินดี่ )
ลมแรง

- High temperature.
( ฮาย เทม เฟลอเช่อร์ )
อุณหภูมิสูง

- Low temperture
( โล เทมเฟลอเชอะ
อุณหภูมิต่ำ

- The sky is clear.
( เธอะ สไก อิซ เคลียร์ )
ท้องฟ้าโปร่ง

การถามเส้นทางที่เราต้องการไป

การถามเส้นทางที่เราต้องการไป สำนวนที่นิยมใช้มีดังต่อไปนี้

- Excuse me. Could you tell me . How to get to the post office , please ?
( เอ็กคิวซ มี คุด ยู เทล มี ฮาว ทู เกท ทู เธอะโพส อ๊อฟฟิซ พลีส )
ขอโทษค่ะ กรุณาบอกฉันหน่อยได้ไหม ไปที่ทำการไปรษณีย์อย่างไร
หรือประโยคดังต่อไปนี้

- Excuse me . Could you tell me . The way to post office , please ?
( เอ็กคิวซ มี คุด ยู เทล มี เดอะ เวย์ ทู โพส อ๊อฟ ฟิช พลีส )
ขอโทษค่ะ กรุณาบอกทางไปที่ทำการไปรษณีย์ฉันหน่อยได้ไหม

- Excuse me. Could you give me direction to post office , please ?
( เอ็กคิวซ มี คุด ยู กีฟ มี ไดร เรค ชัน ทู โพส อ๊อฟฟิช พลีส )
ขอโทษค่ะ ช่วยกรุณาบอกฉันหน่อยทางไปที่ทำการไปรษณีย์ไปทางไหน

- Excuse me. Could you tell me . Where post office, please ?
( เอ็กคิวซ มี คุด ยู เทล มี แวร์ โพส อ๊อฟฟิช พลีส )
ขอโทษ กรุณาบอกฉันหน่อยที่ทำการไปรษณีย์ไปทางไหน

ในกรณีผู้ถามเพื่อความมั่นใจว่ากำลังเดินไปตามทิศทางที่ถูกต้องก็จะใช้ประโยคต่อไปนี้

- Is this the way to the post office ?
( อิส ดิส เธอะ เวย์ ทู เธอะ โพส อ๊อฟฟิช )
ทางนี้ไปที่ทำการไปรษณีย์ใช่ไหม ?

บอกเส้นทางโดยใช้รถประจำทาง

บอกเส้นทางโดยใช้รถประจำทาง

- Take a number 21 bus. That’ll take you pass…(บอกสถานที่ ) and then you get off at…
(เทค อะ นัมเบ่อร์ 21 บัส แธทอิล เทค ยู พาสท......... แอนด์ เธน ยู เกท ออฟ แอท
ไปรถประจำทางเบอร์ 21 ก็จะผ่าน....(สถานที่) จากนั้นลงรถที่..... (บอกสถานที่)

สำนวนที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้รถประจำทาง

- ขึ้นรถ = take / catch / get on
( เทค / แคช / เกท ออน
- ลงรถ = get off.
( เกท ออฟ )
- เบอร์รถ = bus number 21 / a number 21 bus
( บัส นัมเบ่อร์ 21 / อะ นัมเบ่อร์ 21 บัส )
(ข้อสังเกต เมื่อใช้ bus number 21 จะไม่มี article ‘ a ‘ นำหน้า)

- ป้ายรถเมล์ = bus stop
( บัส สตอพ )
- รถแล่นผ่านอะไรบ้าง = It will take you pass………
( อิท วิว เทค ยู พาส ) บอกสถานที่ว่าผ่านอะไร

การเชื้อเชิญ

การเชื้อเชิญ สำนวนที่ใช้ในการเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง มีดังนี้

- Would you care to come with us ?
( วู๊ด ยู แคร์ ทู คัม วิช อัส )
คุณจะไปกับเราไหม

- How about going to movies ?
( ฮาว อะเบ้า โกอิง ทู มูวี่ )
ไปดูหนังกันไหม

- Would you like to have a cup of tea ?
( วู๊ด ยู ไลท์ ทู แฮฝ อะ คัฟ อ๊อฟ ที )
ดื่มชาสักถ้วยไหม

- Do you want to go to Kalasin with me next Saturday ?
( ดู ยู ว้อน ทู โก ทู กาฬสินธุ์ วิท มี เน็กส์ แซทเท่อร์เดย์ )
คุณอยากไปกาฬสินธุ์กับฉันวันเสาร์หน้าไหม

- Why not go out with me ?
( ไวท์ น๊อต โก เอ้า วิท มี )
ออกไปข้างนอกกันไหม

การเสนอแนะ

การเสนอแนะ สำนวนเกี่ยวกับการเสนอแนะมีดังนี้

- How about going to the park ?
( ฮาว อะเบ้า โกอิ้ง ทู เดอะ พาค )
ไปสวนสาธารณะกันดีไหม)

- What about playing tennis ?
( วอท อะเบ้า เพลย์อิ่ง เทนนิส )
เล่นเทนนิสกันดีไหม

- Why don’t we go out ?
( วาย โด้นท วี โก เอ้า )
ทำไมเราไม่ออกไปข้างนอกกันล่ะ

- Shall we walk ?
( แชล วี ว้อค )
เดินกันดีไหม

- Why not come to dinner with me ?
( วาย น๊อต คัม ทู ดินเนอร์ วิท มี )
คุณมารับประทานอาหารเย็นกับผมนะครับ

- Let’s get out of here ?
( เลทส์ เกท เอ้า เอิฟ เฮียร์ )
ออกไปจากที่นี่กันเถอะ

- Let’s go into the garden ?
( เลทส์ โก อินทู เธอะ การ์เด็น )
เข้าไปในสวนกันเถอะ

การกล่าวชมเชย

การกล่าวชมเชย เมื่อต้องการกล่าวชมเชย จะใช้สำนวนต่อไปนี้

- I like your hair. I really like your hair.
( ไอ ไลท์ ยัวร์ แฮร์ ) ไอ เรียวลิ่ ไลท์ ยัวร์ แฮร์ )
ฉันชอบทรงผมของ ฉันชอบทรงผมของคุณจริง ๆ

- What a nice dress !
( วอท อะ ไน้ส เดรส )
ชุดช่างสวยจริง ๆ

- You look wonderful.
( ยู ลุคค์ วันเดอร์ฟุล )
คุณดูดีอย่างน่าพิศวงจัง

- That’s a lovely shirt.
( แธทส์ สะลัฟลิ เชิ๊ตท์ )
เสื้อเชิ๊ตนั่นน่ารักจัง

การกล่าวแสดงความยินดีและกล่าวอวยพร

การกล่าวแสดงความยินดีและกล่าวอวยพร สำนวนที่ใช้ในการกล่าวแสดงความยินดีมีดังนี้

- Congratulations on your success !
( คัน แกร็ทชิวเลชั่น ออน ยัวร์ ซัคเซส )
ขอแสดงความยินดีกับความประสบผลสำเร็จของคุณ

- Congratulations !
( คันแกร็ทชิวเลชั่น )
ขอแสดงความยินดีด้วย

- I was delighted to hear the news.
( ไอ วอส ดีไลท์ทิด ทู เฮีย เธอะ นิวส์ )
ฉันยินดีด้วยที่ได้ยินข่าวดีของคุณ

สำนวนที่ใช้ในการกล่าวอวยพร ได้แก่
- Good luck on your exam.
( กึด ลักษ์ ออน ยัวร์ เอ๊กแซม )
ขอให้โชคดีในการสอบ

- I wish you luck.
( ไอ วิช ยู ลักค์ )
ขอให้คุณโชคดี

- Best wishes on your wedding
( เบส วิชเชส ออน ยัวร์ เวดดิ้ง )
ขอให้คุณโชคดีในวันแต่งงาน

- Have a nice trip. (ใช้กับการอวยพรสำหรับการเดินทาง)
( แฮฝ อะ ไนส ทริพ )
ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย

- Have a good time. (ใช้กับการอวยพรให้สำหรับการไปเที่ยว)
( แฮฝ อะ กึด ไทม์ )
ขอให้สนุกนะ

การกล่าวแสดงความเห็นใจ

การกล่าวแสดงความเห็นใจ สำนวนที่ใช้กล่าวแสดงความเห็นใจในข่าวร้าย เช่นมีการตายเกิดขึ้น

หรือมีเรื่องไม่ดี มีดังต่อไปนี้

- I’m very sorry to hear that……………….
( อาม เวริ ซอริ ทู เฮีย แดท........................)
ฉันเสียใจด้วยนะที่ได้ยินว่า.......................................

- I was very sorry to hear of …………………….
( ไอ วอซ เวริ ซอริ ทู เฮีย เอิฟ )
ฉันเสียใจด้วยนะที่ได้ยินว่า..................................

- Please accept my sincere sympathy.
( พลีส แอคเซฟ มาย ซินเซอร์ ซิมพาททิ )
ไม่มีคำไทยตรง หมายถึงว่า ขอแสดงความเสียใจด้วยจริง ๆ

- How unfortunate !
( ฮาว อันฟอร์จูเนท )
ช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้

- What a pity !
(วอท อะ พิททิ )
ช่างน่าสงสาร

- What a shame !
( วอท อะ เชม )
ช่างน่าละอาย





การตอบรับการแสดงความเห็นใจนั้นมักจะพูดว่า

- Thank you for your concern
( แธงค์กิ่ว ฟอร์ ยัวร์ คันเซิน )
ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณ

- Thank you . I appreciate it .
(แธงค์กิ่ว ไอ แอพพรีชิเอท อิท)
ขอบคุณค่ะ ดิฉันซาบซี้งในน้ำใจของคุณ หรือกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า

- Thanks.
ขอบคุณ

การเชิญ ( Inviting )

- Would you like to go to dinner tonight ?
( วุ้ด ยู ไล้ท์ ทู โก ทู ดิ้นเน่อร์ ทูไน้ท์ )
ดิฉันขอเชิญคุณมารับประทานอาหารค่ำ คืนนี้ค่ะ.

- How about going……..?
(ฮาว อะเบ้าท์ โกอิ่ง ……)
อยากเชิญคุณ ....... .

- Would you like to go…….?
(วุ้ด ยู ไล้ท์ ทู โก ….. )
อยากเชิญคุณ ........ .

- Will you be able to go……?
(วิล ยู บี เอ้เบิ่ล ทู โก…..)
อยากเชิญคุณ …… .

- Would you care for a drink ?
(วุ้ด ยู แคร์ ฟอร์ อะ ดริ้ง )
ดื่มอะไรไหมค่ะ

ตัวอย่างบทสนทนา
A : Can you have lunch with me tomorrow ?
(แคน ยู แฮฟ ลั้นช วิช มี ทูมอโร่ )
ตอนเที่ยงพรุ่งนี้ทานอาหารด้วยกันไหมคะ

B : Yes , I will be glad to. Where ?
( เยส ไอ วิล บี แกลด ทู, แวร์ )
ยินดีค่ะ ที่ไหนค่ะ ?

A : How about having it at my house?
( ฮาว อะเบ้าท์ แฮพหวิ่ง อิ่ท แอทท์ มาย เฮาซ์ )
ที่บ้านดิฉันดีไหมค่ะ ?

B : Yes, that will be just great . What time?
( เย้ส, แธ็ท วิล บี จัสท์ เกรท. ว้อทไทม์?)
เหมาะค่ะ กี่โมงดีคะ.
หรือ พูดว่า “ Wonderful “ ( วั้นเดอร์ฟุล ) หรือ Great (เกรท) ก็ได้

หรือ พูดว่า Fine. Thanks for asking.
(ไฟน์ แธ็งส์ ฟอร์ อาสกิ่ง)
สะดวกค่ะ ขอบคุณที่เชิญ

A : Hope you can come.
(โฮพ ยู แคนน์ คัม )
หวังว่าคงมาได้นะ

B : I won’ t miss.
(ไอ โว้นท์ มิส )
ฉันจะไม่ยอมพลาดแน่

การถามอาการไม่สบายต่างๆ

Doctor : What ‘s the matter ?
( ด็อค เท่อ : วอทส เดอะ แมท เทอร์ )
คุณหมอ : เป็นอะไรครับ

Patient : I have a terrible headache.
( เพเช็นท : ไอ แฮฟ อะ เทอริเบิล เฮดเอค )
คนไข้ : ฉันปวดศีรษะมาก

Doctor : That’s too bad . When did you get sick ?
( ด็อค เทอ : แดทส ทู แบด เว็น ดิด ยู เกท ซิค
คุณหมอ : ไม่ดีเลยนะ เริ่มป่วยเมื่อไหร่

Patient : I was sick all night .
( เพเช็นท : ไอ วอส ซิค ออล ไนท์ )
คนไข้ : ฉันไม่สบายทั้งคืน

Doctor : Let me take your temperature.
( ด็อคเทอ : เลท มี เทค ยัวร์ เทมเพรอะเช่อร์ )
คุณหมอ : ขอวัดอุณหภูมิร่างกายหน่อย

: I’ll give you a prescription.
: ( ไอลึ กีฟ ยู อะ พรีสครีฟ ชั่น )
: ผมจะให้ใบสั่งยาคุณ

: Take two pills every four hours
: ( เทค ทู พิลส์ เอ็ฟวริ โฟเออะ เอ้าเออส์ )
: รับประทานยาครั้งละ 2 เม็ดทุก ๆ 4 ชั่วโมง

: You’ll feel better in a while.
: ( ยูลึ ฟีล เบทเท่อร์ อิน อะ ไวล์ )
: คุณจะรู้สึกสบายขึ้นในไม่ช้า

Patient : I hope so.
( เพเช็นท : ไอ โฮพ โซ )
คนไข้ : ผมก็หวังเช่นนั้น

อีกตัวอย่าง
A : What’s the matter ?
เอ : ( วอทส เธอะ แมทเทอะ )
คุณเป็นอะไรคะ

B : I have a cold.
บี : ( ไอ แฮฝอะ โคลด์ )
ฉันเป็นหวัดค่ะ

A: Why not go to see the doctor ?
เอ : ( วาย น็อท โก ทู ซี เดอะ ด็อคเทอร์ )
ทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ

B: It ‘s a good idea.
บี : (อิทส์ สะกึด ไอเดีย )
เป็นความคิดที่ดีมาก

คำศัพท์เกี่ยวกับอาการไม่สบาย
Toothache ธูท เอค ปวดฟัน
A cold อะโคลด์ เป็นหวัด
Headache เฮด เอค ปวดศีรษะ
Stomachache สะทัมมัค เอค ปวดท้อง

ไปเยี่ยมผู้ป่วย ( Go to Visit a Sick Person )

Mali : Excuse me, where 's Paul 's room, please ?
( เอ้คซ์กิ้วส์ มี แวร์ส พอลส รูม พลีส )
ขอโทษค่ะ ห้องคุณพอลอยู่ที่ไหนคะ

Nurse : A moment, please. Let me see first … Um ….here you are!
He is in room 105 on the second floor.
( อะ โม้เม่นท์ พลีส เล็ท มี ซี เฟิสท… อึม …เฮียร์ ยู อาร์ )
( ฮี อิสซ์ อิน รูม วันโอไฟว์ ออน เธอะ เซ็คกั่น ฟลอร์ )
รอสักครู่ค่ะจะตรวจดูให้ …อึม…เจอแล้วค่ะ
คุณพอลอยู่ห้อง 105 ชั้นที่สองค่ะ


Mali : Thank you.
( แธ้งค์ กิ่ว )
ขอบคุณค่ะ

มะลิเดินไปที่ห้องของ พอล ตามที่พยาบาลบอก
Mali : Hi. How are you feeling, Paul ?
( ไฮ ฮาว อาร์ ยู ฟีลลิ่ง พอล )
สวัสดีค่ะ เป็นไงบ้างคะ พอล

Paul : Thanks for visiting me. I'm better now. The doctor said I would be home
in a week. So, don't worry !
( แธ้งค์ ฟอร์ วิซิทติ่งก์ มี อาม เบ็ทเต่อร์ นาว เธอะ ด๊อกเท่อร์ เซ็ด ไอ วุ้ด บี โฮม
อิน อะ วีค โซ โด้นท เวอริ่ )
ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ อาการของผมดีขึ้นมาก คุณหมอบอกว่า ผมจะ กลับบ้านได้
ภายในหนึ่งสัปดาห์นี้ ไม่ต้องห่วงนะครับ

Mali : This is for you. Well, I have got to go now. I will see you next time.
Take care !
( ธีสซ์ อีสซ์ ฟอร์ ยู เวลล์ ไอ แฮฟว์ ก้อท ทู โก นาว ไอ วิวล์ ซี ยู เน็กส์ท ไทมม์
เท็ค แคร์ )
นี่ค่ะของเยี่ยม ฉันจะขอตัวกลับแล้วล่ะ แล้วจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ
รักษาสุขภาพด้วย

Paul : O.K. Thanks again.
( โอเค แธ้งส์ อะเกน )
ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ

คำศัพท์ ( Vocabulary )
Don't worry = ไม่ต้องห่วงกังวล
A moment = สักครู่
Excuse me = ขอโทษค่ะ

ที่ร้านตัดเสื้อผ้า ( At the Tailor's )

Shopkeeper : Hello. May I help you ?
( ช้อปคีพเพ่อร์ ) : ( เฮลโล เมย์ ไอ เฮลพ์ ยู )
เจ้าของร้าน : สวัสดีค่ะ ให้ดิฉันช่วยอะไรไหมคะ

Client : Yes, I would like to have a new dress made.
( ไคลเอ็นท์ ) : ( เยส ไอ วู้ด ไล้ค์ ทู แฮพว์ อะ นิว เดรส เมด )
ลูกค้า : ค่ะ ดิฉันอยากจะตัดชุดใหม่

S : Of course, Madame . How would you like it?
( เอิฟ คอร์สซ มาดาม ฮาวว์ วุ้ด ยู ไล้ค์ อิท )
อ๋อได้ค่ะ คุณต้องการแบบไหนคะ

C : well, a Thai style, please.
( เววล์ อะ ไทย สไตล พลีส )
เอ่อ ชุดไทย ค่ะ

S : O.K. , Now, let's take a measurement, please.
( โอเค นาว เล็ทซ์ เทคค์ อะ เม้สเช่อร์เม่นท์, พลีส )
ตกลงค่ะ ถ้างั้นเชิญวัดตัวได้เลยนะคะ

S ( ต่อ) : Oh! We have some readymade clothing here.
( โอ๊ะ! วี แฮฟว์ ซัมม์ เรดดี้เมดด์ โครทธิ่ง เฮียร์ )
เออ ที่นี่เรามีเสื้อผ้าสำเร็จรูปบางส่วนอยู่

Would you like to try one on ?
( วู้ด ยู ไล้ค์ ทู ทรัย วัน ออน )
คุณอยากจะลองสวมดูไหมคะ

C : Oh, yes, I will try some on. This shirt is O.K. in general
except the collar is a bit small.
( โอ้,เยส, ไอ วิลล์ ทรัยย์ เซิมม์ ออน. ธิสส์ เซิ้ตท์ อิซ โอเค อินเจนเนอร์รัล
เอ็กเซ็พท์ เธอะ คอลล่ะ อิซ อะ บิท สมอลล์ )
อ้อค่ะ ลองดูก็ดีค่ะ เสื้อเชิ้ตตัวนี้ใส่แล้วเรียบร้อยดีนะค่ะ
ยกเว้นตินิดเดียว คอเล็กไปหน่อย

คำศัพท์ (Vocabulary )

1. Thai style = ชุด (แบบ) ไทย ๆ
2. Madame = คุณนาย
3. Sir = คุณท่าน
( Madame , Sir นิยมใช้ท้ายคำเพื่อแสดงความเคารพบุคคลที่เราพูดด้วย )

4. Measurement = การวัด ( ตัว )

5. Ready - made = สำเร็จรูป ( เช่น เสื้อผ้า )
6. Try on = ลอง ( เสื้อผ้า, รองเท้า, เป็นต้น )
7. In general = โดยรวม ๆ
8. A bit = เล็กน้อย

สนทนาเรื่องกีฬา ( Talking about sport. )

Tim : What sport do you like most ?
( ว้อท สพอร์ท ดู ยู ไลค์ โมสท์ )
คุณชอบกีฬาประเภทใดมากที่สุด

Toy : I like foolball best of all. I also swim very well.
( ไอ ไลค์ ฟุตบอล เบสท์ เอิฟ ออล. ไอ ออลโซ สวิม เวริ เวลล์ )
ผมชอบฟุตบอลมากกว่ากีฬาชนิดอื่น แล้วผมก็ยังว่ายน้ำได้เก่งมากด้วย

Tim : I bet you could also run fast because a football player must run fast.
( ไอ เบ็ท ยู คูด ออลโซ รันน์ ฟาสท์ บิเคิสส์ อะ ฟุตบอล เพลเย่อร์ มัสท์ รัน ฟาสท์ )
ผมบอกคุณได้เลยว่า คุณต้องวิ่งเร็วด้วย เพราะนักฟุตบอลทุกคนวิ่งเร็วด้วย (เพื่อตามลูกให้ทัน)
But, myself like skiing. Do you know how to ski ?
( บั่ท มายเซลฟ์ ไล้ค์ สกีอิ่ง ดู ยู โน ฮาว ทู สกี๋ )
แต่ตัวผมเองชอบเล่นสกี คุณเล่นเป็นไหม รู้จักวิธีเล่นสกีหรือเปล่านั่นเอง

Tony : Yes, I often go with my family.
( เย้ส ไอ เอิ้ฟเฟ่น โก วิธ มาย แฟมิลี่ )
ครับ ผมไปเล่นกับครอบครัวบ่อย ๆ

There is a big mountain near my village. It snows a lot in the winter
( แธร์ อิสซ์ อะ บิค เม้าเท่น เนียร์ มาย วิลเล็จ อิท สโนว์ อะล็อต อิน เธอะ วินเท่อ)
Lot’s of people go there to ski.
( ล็อทส์ เอิฟ พี้โผ่ โก แธร์ ทู สกี)
ใกล้หมู่บ้านของผมมีภูเขาใหญ่ และหิมะจะตกมากในช่วงฤดูหนาว
ผู้คนมากมายจะไปที่นั่นเพื่อเล่นสกี



Tim : I hope we could go together sometime.
( ไอ โฮพ วี คูด โก ทูเก้ตเต่อร์ ซัมไทม์ )
หวัง ว่าเราคงได้ไปเล่นด้วยกันสักวันหนึ่งนะครับ

Tony : Oh, that will be wonderful.
( โอ้, แธท วิวล์ บี วั้นเดอร์ ฟุล )
อ้อ คงเยี่ยมไปเลยครับ

การสนทนาเกี่ยวกับศาสนา ( Talking about Religion )

Amnat : Hi, Pete. I’m a Buddhist. What about you ?
( ไฮ พีท อาม อะ บุ้ดดิสท์ ว้อท อะเบ่า ยู )
สวัสดีพีท ผมเป็นชาวพุทธ คุณล่ะครับ

Pete : Hi, I’m a Christian. In fact, I’m interested in studying about
( ไฮ อาม อะ คริสท์เทียน อิน แฟ้ค อาม อินเตอร์เรสเตด อิน สต้าดดี่อิง อเบ้า )
Other religion, too.
( อัทเธอร์ รีลิเจี่ยน ทู )
สวัสดีครับ ผมเป็นชาวคริสตเตียน จริงๆแล้วผมชอบศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอื่นเหมือนกัน

What are the precepts of your religion ?
( ว้อท อาร์ เธอะ พรีเซ็พส เอิฟ ยัว รีลิเจี่ยน )
ศิล/คำสอน ในศาสนาคุณมีอะไรบ้างครับ

Amnat : For us, laymen, we keep five, usually.
( ฟอร์ อัส เลย์เมน วี คีพ ไฟว์ ยูชชัวล์ลี่ )
They are _ _ one, Not kill or destroy life.
( เธย์ อาร์ _ _ วัน น้อท คิลล์ ออ ดีสทรอย ไลฟ์ )
Two, not steal. Three, not commit adultery.
( ทู น้อท สตีล ทรี น้อท คอมมิท อดัลเทอรี่ )
Four not telling lie or decieve and the last,
( โฟร์ น้อท เทลลิ่ง ลาย ออร์ ดิซีพว์ แอนด์ เธอะ ลาสท์)
Not take intozicants.
( น้อท เทค อินท๊อกสิคเค่นท์ )

สำหรับเรา ฆราวาสหรือคนธรรมดา ถือศิลห้า ดังนี้ คือ
ข้อหนึ่งไม่ฆ่าหรือทำร้ายสิ่งมีชีวิต ข้อสองไม่ลักขโมย ข้อสามไม่ประพฤติผิดในกาม
ข้อสี่ไม่พูดปด และข้อห้าไม่เสพสิ่งมึนเมา

Pete : Thanks for your explanation. See you next time. Bye.
( แธ้งคส์ ฟอร์ ยัว เอ๊คส์พละเน้ชั่น ซี ยู เนคสท์ ไทมม์ บาย )
ขอบคุณที่ช่วยอธิบาย แล้วเจอกันคราวหน้านะครับ สวัสดี

Amnat : Bye.
( บาย )
สวัสดีครับ

การสนทนาซื้อรถ ( Buying a Car. )

Salesman : Good morning. May I help you, sir ?
พนักงานขาย ( กึดม้อนิ่ง. เมย์ ไอ เฮลพ ยู เซอ )
สวัสดีครับ ให้ผมรับใช้อะไรบ้างครับ

Niyom : Hi. I’m looking for a pick - up truck for my twenty - six - year - old son
นิยม (ไฮ อามลุ้คกิ่ง ฟอร์ อะ พิคอัพ ทรัค ฟอร์ มาย ทะเวนตี่ ซิ้ค เยียร์ โอล ซัน )
who is a teacher in a rural country about thirty kilometers from
( ฮู อิซ อะ ทีเช่อร์ อิน อะ รูรอล คันทรี อะเบ้าท์ เธอะตี กิโลมีเทอร์ ฟรอม )
where we live now.
(แวร์ วีลีพว์ นาว )
สวัสดีครับผมกำลังมองหารถปิคอัพสักคันหนึ่ง ให้ลูกชายอายุ 26 ปี ตอนนี้เป็นนครู
สอนอยู่ในชนบทประมาณ 30 กิโลเมตร ห่างจากบ้านตอนนี้


Salesman : Well, I’m happy to advise you to buy a four – door one.
( เวล, อามแฮบปี่ ทู แอดไวส์ ยู ทู บาย อะ โฟร์ – ดอร์ วัน )
ครับผมอยากจะแนะนำให้ท่านซื้อรถสี่ประตู

I will bring you a catalogue.
(ไอ วิวล์ บริงก์ ยู อะ แค้ททะล็อก )

It is the latest model 190 hores power and four doors
( อิท อิซ เธอะ เลทเทสท์ โมเดล 190 เพาเวอร์ แอนค์ โฟร์ ดอร์ )
ผมจะเอาแค้กตาล็อกมาให้ดูนะครับ เป็นแบบใหม่ล่าสุด 190 แรงม้า และ 4 ประตู

: We have a demo car if you like to drive to see how it is.
( วี แฮพว์ อะเดมโม คาร์ อีฟ ยู ไลค์ ทู ไดร ทู ซี ฮาว อิท อิซส์ )
เรามีรถทดลองขับ ถ้าคุณต้องการทดลองดูก่อน ครับผม.

Niyom : Wonderful. I would like to try.
( วั้นเดอฟุล ไอ วุ้ดไล้ค์ ทู ทะรัย )
เยี่ยมเลย ผมอยากลองขับดูเหมือนกัน
Salesman : Sure, sir. The gears are very smooth
( ชัว เซ่อะร์ เธอะ เกียร์ อาร์ เว้รี่ สมูธ )
ได้ครับ ระบบเกียร์ นุ่มมาก.

Niyom : But look at all these nodes, how can I remember how to use them
( บัท ลุ้ค แอ่ท ออล ธีสซ์ โนเดส เฮา แคน ไอ รีเม้มเบอร์ ฮาว ทุ ยูช เธม )
แต่ดูปุ่มพวกนี้สิ ผมไม่รู้จะจำได้หมดหรือเปล่า ว่าวันไหนใช่ อย่างบ้าง ?

Salesman : Don’t worry, sir. It is simple. This is the engine starter.
( โด้น’ท เวอริ่ เซ่อะ อิท ทิซ ซิมเปิล ธิซ อิซ ธิ เอนจี่น สตาทเตอร์ )
Those are indicator lights. Next, is the head light and
( โธสซ์ อาร์ อินดิคเคเตอร์ ไลท์ส เน็คสท อิซ เธอะ เฮดไลท์ แอนด์ )
the other one is the low beam.
( เธอะ อาทเธอะ วัน อิซส์ เธอะโลบีม )
ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ยุ่งยากหรอก ปุ่มนี้สตาร์ทเครื่องยนต์ ส่วนปุ่มพวกนั้น
สำหรับสัญญาณไฟเลี้ยว ถัดไฟเป็นไฟหน้าและอีกอันหนึ่งเป็นปุ่มไฟต่ำ

Niyom : I like blue, do you have one. what about the price ?
( ไอ ไลค์ บลู ดูยู แฮพว์ วัน ว้อท อะเบ้า เธอะ ไพรส์ )
I hope it’s not very expensive .
( ไอ โฮพ อิท’ซ์ น้อท เวรี่เอ็กซเป๊นสิพว์ )
ผมชอบสีฟ้า มีไหมครับ แล้วราคาล่ะ คง ไม่แพง มากนะ

Salesman : If you decide to buy it .
( อิฟ ยู ดีไซค์ ทู บาย อิท )

I will be glad to give you a ten percent discount.
(ไอ วิวล์ บี แกลด ทู กิฟว์ ยู อะ เทน เปอร์เซ็นต์ ดิสเคาท์ )
ถ้าคุณตัดสินใจซื้อ ผมยินดีที่จะลดให้คุณจากราคาเดิมถึงสิบเปอร์เซ็นต์

การซื้อ และจองตั๋วภาพยนตร์ ( Booking Tickets )

Tom : I would like to buy tickets for "The Fugitive".
(ไอ วู๊ด ไล้ด์ ทู บาย ติ๊คเก็ตส์ ฟอร์ เธอะ ฟูจิทีฟ )
อยากซื้อตั๋วดูหนังเรื่อง The Fugitive

Book : How many tickets and what session do you want ?
(ฮาวว์ เม้นี่ ติ๊ดเก็ตส์ แอนด์ ว้อท เซ็สชั่น ดู ยู ว้อนท )
ตั๋วกี่ใบ และรอบกี่โมงคะ

Tom : Three, at two p.m., please.
( ทรี แอ่ท ทู พี เอ็ม พลีส )
ตั๋วสามใบ รอบบ่ายสองโมงค่ะ

Book : Which seat numbers, sir ?
(วิช ซีทท์ นัมเบอร์ เซ่อะร์ )
ต้องการที่นั่งตรงไหน ครับ

Tom : Let's take B 4,5 and 6. How much all together ?
(เล็ทส์ เทค บี โฟ ฟายว์ แอนด์ ซิ๊คส์ ฮาว มัทช ออล ทูเก้ตเธ่อร์ )
เอาแถวบี สี่ ,ห้า และหก. ทั้งหมดราคาเท่าไรคะ

Book : Two hundred baht, sir.
( ทูฮั้นเดร็ด บาท เซ่อะร์)
สองร้อยบาท ครับ

Tom : I also would like to reserve a ticket for “The King Kong “ tomorrow night.
( ไอ ออล โซ วู่ด ไล้ด์ ทู รีเซิ้ฟว์ อะ ติ๊คเก็ต ฟอร์ เธอะ คิงคอง ทูมอโร่ว์ ไนท์ )
ผมขอจองตั๋วล่วงหน้า ดูหนังเรื่องคิงคองของคืนวันพรุ่งนี้ด้วยเลย ครับ

Book : When and how many tickets, please.?
( เวนน์ แอนด์ ฮาว เม้นีย์ ติ๊คเก็ตส์ พลีสซ์ )
เมื่อไร และตั๋วกี่ใบ ครับ.

Tom : Just one for me, at 9 A.M. Row B 2. Here's the money.
( จัสท์ วัน ฟอร์ มี แอท ไนน์ เอ.เอ็ม โรว์ บี 2 เฮียส์ เธอะ มันนี )
ตั๋วใบเดียวสำหรับผม เวลาเก้าโมงเช้า แถว บี 2 นี่ครับเงินค่าตั๋ว

Book : O.K., please come and pick up the ticket before eight a.m.
( โอ.เค. พลีสซ์ คัม แอนด์ พิ๊ค อัพ เธอะ ติ๊คเก็ต บีฟอร์ เอ้ดท์ เอ เอ็ม )
ได้ครับ และกรุณามารับตั๋วก่อนแปดโมงเช้านะครับ

Tom : All right. Thanks.
( ออล ไร้ท์ แธ้งคส์ )
ตกลง ครับ ขอบคุณ

คำศัพท์ ( Vocabulary )

a.m. = นับเวลาจากหนึ่งนาฬิกาถึงก่อนเทียงวัน (ช่วงเช้า)
p.m. = นับเวลาจากหลังเที่ยงวันถึงก่อนหนึ่งนาฬิกา (ช่วงบ่าย)
reserve = การจับจอง เช่น จองโต๊ะอาหารล่วงหน้า
book = การจอง เช่น จองตั๋วต่าง ๆ

การแจ้งความ (To Notify the Police )

Sue : I have lost my wallet.
ซู : ( ไอ แฮฟว์ ลอสท์ มาย วอลเล่ท )
ดิฉันทำกระเป๋าสะตางค์หาย

Policeman : When did you lose it ?
ตำรวจ : (เว็น ดิ๊ด ยู ลูซ อิท)
หายเมื่อไหร่ครับ

Sue : Yesterday evening , about six thirty .
( เย้สเตอเดย์ อิฟ๊เวนหนิ่ง อะเบ้าท์ ซิคส์ เธ้อตี้ )
เย็นวานนี้ค่ะ ประมาณหกโมงครึ่ง

At the seven eleven shop in town.
( แอท เธอะ เซ่เว่น อี่เลฟเว่นน์ ช้อพ อิน ทาวน์ )
ที่ร้านเช่เว่นในเมือง

Policeman : What does it look like ?
( ว้อทท์ เดิ่สซ์ อิท ลุ๊ค ไลด์ )
บอกลักษณะของกระเป๋าที่หายไป

Sue : It is a small green wallet about 5 x 7 inches .
( อิท อิส อะสมอล กรีน วอลเล่ท อะเบาท์ ฟายว์ บาย เซเว่น อิ้นเช็ส )
กระเป๋าเล็กๆสีเขียวขนาดห้าคูณเจ็ดนิ้ว

; There are passport book , I.D. card, credit cards and others.
( แธร์ อาร์ พาสปอร์ท บุ๊ค ไอ ดี คาร์ด เครดิต คาร์ทส์ แอนด์ อั๊ดเต่อร์ส )
ข้างในมีหนังสือเดินทาง,บัตรประชาชน ,บัตรเครดิตหลายใบ และอื่นๆ

; I also have about two hundred dollars in there.
( ไอ อ้อลโซ แฮฟว์ อะเบ้าท์ ทู ฮั๊นเดรด ดอลล่าร์ส อิน แธร์ )
นอกจากนี้ยังมีเงินอีกสองร้อยดอลล่าร์ในกระเป๋า

: I can leave the money to one who picks it but I need others back.
( ไอ แคน ลีฟว เธอะ มันนี่ ทู วัน ฮู พิคส์ อิท บั่ด ไอ นีดด์ อั๊ทเตอร์ส แบ็ค )
ดิฉันขอแค่บัตรต่างๆทั้งหมดคืน ส่วนเงินยินดีมอบให้ผู้ที่เก็บได้

Policeman : Please, leave your full name, address and call number with us.
( พลีสซ์ ลีฟว์ ยัวร์ ฟูล เนม แอ้ดเดรส แอนด์ คอลล์ นัมเบอร์ วิธ อัส )
ถ้างั้นกรุณาบอกชื่อเต็ม ที่อยู่และ เบอร์โทรศัพท์ไว้กับเราที่นี่ด้วย

; We will contact you when we found it.
( วี วิล คอนแทคท์ ยู เวน วี ฟาวน์ด อิท )
ตำรวจจะติดต่อกลับไปเมื่อพบกระเป๋าแล้ว

Sue : Thanks, for your help.
( แธ้งส์ ฟอร์ ยัวร์ เฮลพ์ )
ขอบคุณครับ ที่ช่วย

คำศัพท์ ( Vocabulary )
- wallet (ว้อลเล่ท) กระเป๋าสตางค์
- lose (ลูช) , กริยาช่องที่ 2 = lost (ลอสท์) หาย
- inch (อินช) มาตราวัดเป็นนิ้ว
- size (ไซซ์) ขนาด
- passport book (พาสปอร์ท บุ๊ค ) หนังสือเดินทาง
- I. D. card = (ไอ ดี คาร์ด ) identification card บัตรประจำตัว เช่น บัตรประชาชน
- credit card (เครดิต คาร์ด) บัตรเครดิต
- call number (คอลล์ นัมเบอร์ ) เบอร์โทรศัพท์

บทสนทนาที่สถานีตำรวจ ( At the Police Station )

Thani : There is a car accident at the intersection,
ธานี : ( แธร์ อีช อะ คาร์ แอ้คซิเด่นท์ แอทท์ เธอะ อินเตอร์เซ็คชั่น )
มีอุบัติเหตุรถยนต์ ที่ตรงสี่แยก
near Khaowong Post Office . One dies and two are in serious injuries.
( เนียร์ เขาวง โพสท์ อ้อฟฟิ่ส วัน ดายส์ แอนด์ ทู อาร์ อิน ซี้เรี่ยส อิ้นเจอร์รี่ )
ใกล้ที่ทำการไปรษณีย์ อำเภอเขาวงตายหนึ่งคน เจ็บหนักสองคน
But, on the other side of the road,
( บั้ท ออน ดิ อั้ทเธ่อร์ ซาย เอิฟ เธอะโรดด์ )
แต่อีกฟากหนึ่งของถนน
two cars and one motorcycle pass-by have crashed.
(ทู คาร์ส แอนด์ วันมอร์เตอร์ไซ้เคิ่ล พาส-บาย แฮฟว์ แครช )
รถยนต์ 2 คัน และจักรยานยนต์ที่วิ่งผ่านไป – มาก็ชนกัน

Policeman : An officer will be there soon . please wait for a while.
(ตำรวจ) : ( แอนด์ อ๊อฟฟิสเซ่อร์ วิลล์ บี แธร์ ซูน พลีส เวท ฟอร์ อะ ไวลล์ )
อีกสักครู่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไป กรุณารอสักครู่นะครับ

คำศัพท์ Vocabulary :
- intersection (อินเตอร์เซ็คชั่น) สี่แยก (ไฟจราจร)
- accident (แอ๊คชิเด่นท์) อุบัติเหตุ
- serious (ซี้เรี่ยส) อาการหนัก (เจ็บป่วย)
- injuries (อิ๊นเจอร์รี่) อาการบาดเจ็บ
- pass-by (พาส-บาย) (รถ, คน …..) ที่วิ่งผ่านไป –มา
- crash (แครช) ชนกัน เสียหายพังยับเยิน

ซื้อ - ซ่อม นาฬิกาปลุก ( Repairing and Buying an Alarm - clock. )

Suda : Hi Can you repair my alarm - clock, please ?
( ไฮ แคน ยู รีแพร์ มาย อะลาม คร๊อก พลีส )
สวัสดีค่ะ ดิฉันอยากซ่อมนาฬิกาปลุกที่นี่ได้ไหมค่ะ

Shopowner : Yes. But I will check what part needs repairing
(เยส บัท ไอ วิวล์ เช็ค ว้อท พาท นีดส รีแพริ่ง)
ได้ครับ แต่ผมจะตรวจสอบดูก่อนว่า จะซ่อมตรงไหน

Suda : It is just doesn’t work. It stops running, I mean. I dropped it last night.
( อิส อิซ จั๊สท์ ดาสซึ่น เวอค อิท สต้อบส์ รันนิ่ง ไอ ดร๊อบท์ อิท ลาสท์ไนท์ )
มันหยุดเดิน ฉันทำหลุดมือ เมื่อคืนนี้เอง

Shopowner : Oh, I think the spring is broken, miss.
(โอ้ โอ ชิงค์ เธอะ สปริง อิซ โบร๊ค เก่น มิส )
อ้อ ผมคิดว่าลานนาฬิกาน่าจะขาดนะครับคุณ

Suda : How long will it take to have it repaired ?
(ฮาว ลอง วิวล์ อิท เทค ทู แฮพ อิท รี แพร์ด์ )
ต้องใช้เวลาซ่อม นานเท่าไรค่ะ


Shopowner : It will take only one day because, now, I’ m guite free, not much work.
( อิท วิล เทค โอนลี่ วัน เดย์ บีค๊อส นาว อาม ไคว้ท์ ฟรี น้อท มัช เวอค )
ประมาณวันเดียวก็ซ่อมเสร็จแล้วครับ ช่วงนี้งานผมมีไม่มาก

Suda : Well, I want to buy a lady’s watch for myself.
( เวล ไอ ว้อน ทู บาย อะ เลดี้ส ว้อทช ฟอร์ มาย เซลพ )
ดิฉันต้องการจะซื้อนาฬิกาข้อมือ สำหรับผู้หญิงสักเรือนหนึ่งให้ตัวเอง
I would prefer gold if you have one.
( ไอ วุ้ด ฟรีเฟอร์ โกลด์ อิฟ ยู แฮฟ วัน )
ดิฉันชอบเรือนทองถ้ามี

Shopowner : This is the popular one, latest style that’s just come in last week.
( อิสอิซ เธอะพร้อพพิวเล่อ วัน เลทเทสท์ สไตล์ แธทส จั๊สท์ คัมอิน ลาสท์ วีค )
นี่ครับทันสมัยพึ่งเข้ามาอาทิตย์ที่แล้ว
It is very decorative.
( อิท ทิซ เวรี่ เดคโคเรทิฟ )
แบบงามมาก
Only One thousand and five hundred baht, not expensive.
( โอนลี่ วัน ธาวเซินด์ แอนด์ ไฟว์ ฮั้นเดรด บาท น้อท เอ๊กเป้นซิฟว์ )
แค่หนึ่งพันห้าร้อยบาท เองครับ ไม่แพง เลย

Suda : I think I want a practical one.
( ไอ ธิงค์ ไอ ว้อนท์ อะ แพรคติคคอล วัน )
ดิฉัน คิดว่าอยากได้ชนิดธรรมดาพอใช้ได้

Shopowner : This is fine. We also guarantee them for three years.
( ธิส อิซ ไฟน์. วี ออลโซ แกรันทิ เธม ฟอร์ ทรี เยียส์ )
อันนี้แหละครับใช่เลยเหมาะสำหรับคุณมาก เรายังรับประกันให้สามปี
smartly styled and reasonable price.
( สมาร์ท ลี่ สไตล์ด์ แอนด์ รีเซินอาเบิล ไพรส์ )
แบบก็เก๋ ราคาก็ประหยัด
It also acculate and automatic self - winder, with luminous hands
( อิท ออลโซ แอคคิวเลท แอนด์ ออโตแมติค เซลฟ์ ไวด์เดอร์ วิธ ลู๋มินัส แฮนด์ส )
นอกจากนั้นยังเดินตรงเวลา อัตโนมัติไขลานในตัว และ เข็มนาฬิกาพรายน้ำด้วย



Suda : O.K. I will take it. I don’t have a cash. Do you take credit cards ?
(โอ เค ไอ วิวล์ เทค อิท ไอ ด้อนท แฮพว์ อะ แคช ดูยู เทค เครดิต คาดส์ )
ตกลงดิฉันซื้อเรือนนี้ ดิฉันไม่มีเงินสด รับบัตรเครดิตไหมคะ

Shopowner : No problem ! Thanks so much.
(โน พร้อบเบล่ม แธงค์ส โซ มัช )
ไม่มีปัญหาครับ ขอบคุณมากครับ